นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่ PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 56 คาดว่ารายได้และยอดขายจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ตามการเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PT ที่จะครอบคลุมทั่วประเทศซึ่งจะเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PT ทั้งในส่วนของสถานีบริการน้ำมันที่เป็นของบริษัทและบริหารงานโดยบริษัท(COCO)และ สถานีบริการน้ำมันที่เป็นของตัวแทนจำหน่ายน้ำมันบริษัท(DODO) โดยปี 55 รายได้และการขายสินค้าและให้บริการอยู่ที่ 41,723.63 ล้านบาท
ในปี 56 บริษัทมีแผนขยายสาขารวม 155 สาขา แบ่งเป็นสถานนีบริการน้ำมัน COCO จำนวน 130 สาขา และสถานนีบริการน้ำมัน DODO อีก 25 สาขา โดยประเมินว่าสิ้นปีนี้บริษัทฯจะมีสถานีบริการน้ำมัน COCO ประมาณ 527 สาขา และ สถานีบริการน้ำมัน DODO ประมาณ 202 สาขา โดยสิ้นสุดปี 55 บริษัทฯ มีสถานีบริการน้ำมันรวม 574 สาขา ซึ่งนับว่ามีสถานีบริการน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจาก ปตท.และบางจาก
อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเพิ่มจำนวนรถบรรทุกน้ำมันเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และรองรับปริมาณการขนส่งน้ำมันที่คาดว่าจะเพิ่มในอนาคตจากการลงทุนขยายเพิ่มสถานีบริการน้ำมันและการเติบโตของธุรกิจค้าส่งน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงมีแผนที่จะซื้อรถสิบล้อบรรทุกน้ำมันและรถพ่วงบรรทุกน้ำมันในช่วง 5 ปีข้างหน้า ประมาณ 30-50คัน/ปี ส่วนด้านการบริการ บริษัทฯมีแผนลงทุนและขยายร้านกาแฟสดพันธุ์ไทย และร้านแมกซ์มาร์ทภายในสถานีบริการน้ำมัน PT
สำหรับงบลงทุนในปี 56 บริษัทฯคาดว่าจะใช้งบรวมประมาณ 800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การลงทุนเปิดสถานนีบริการน้ำมันเพิ่ม จำนวน 640 ล้านบาท และขยายธุรกิจมินิมาร์ท ประมาณ 60 ล้านบาท จำนวน 20 สาขา สาขาละ 3 ล้านบาท รวมถึงลงทุนในธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยประมาณ 40 ล้านบาท จำนวน 20 สาขา สาขาละ 2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับระบบซอฟท์แวร์ ปี 56-57 จำนวน 60 ล้านบาท พร้อมทั้งใช้ปรับปรุงภาพลักษณ์ของบริษัท Rebrand อีก 60 ล้านบาท
ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนมาจากการระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ประกอบกับกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท โดยปัจจุบันยังไม่มีแผนในการกู้จากสถาบันการเงินมาลงทุน อย่างไรก็ตาม หากมีการต้องเร่งการลงทุนรองรับการเติบโตในอนาคตบริษัทฯก็มีความสามารถในการกู้เพิ่มได้อีก ซึ่งงบปี 55 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.81 เท่า
นายพิทักษ์ กล่าวว่า การขยายน้ำมันในปีนี้อาจจะมุ่งเน้นขยายไปยังภาคอีสานมากขึ้น เนื่องจากภาคอีสานมีความต้องการใช้น้ำมันสูงสุดเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ และเป็นการขยายโอกาสไปยังผู้ใช้บริการเพื่อให้มีสถานีบริการที่ทันสมัยและครอบคลุมทั่วประเทศอีกทั้งต้องการให้สถานีบริการน้ำมันพีทีเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ด้านนายนิมิต วงศ์จริยา กรรมการบริหาร บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า ในด้านของนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปี 56 อุตสาหกรรมจำหน่ายน้ำมันจะมีอัตราการเติบโต 7-8% ซึ่งสูงกว่า GDP 1.5 เท่า หรือประมาณ 4.8% โดยเป็นการเติบโตจากนโยบายรถคันแรก ทำให้ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ใช้มากขึ้น