LVT มั่นใจปีนี้พลิกเป็นกำไรสุทธิในรอบ 3 ปี หลังได้งานใหม่-ขายหุ้น LNVT

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 18, 2013 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอล.วี.เทคโนโลยี(LVT) เปิดเผยว่า จากงานใหม่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกับการที่บริษัทฯได้ขายหุ้นบางส่วนใน บริษัท แอล เอ็น วี เทคโนโลยี ไพรเวท จำกัด(LNVT) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ในประเทศอินเดีย มูลค่ารวมประมาณ 260 ล้านบาท และเมื่อหักต้นทุนแล้วจะมีกำไรประมาณ 157 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะพลิกกลับมีกำไรสุทธิได้ในรอบ 3 ปี

อนึ่ง ในช่วงปี 53-55 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 239.07 ล้านบาท 23.88 ล้านบาท และ 293.20 ล้านบาท ตามลำดับ

ตั้งแต่ต้นปี 56 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เร่งหางานใหม่อย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จโดยได้ลงนามเซ็นสัญญารับงานจำนวน 4 โครงการ มูลค่าเกือบ 1,800 ล้านบาท ได้แก่

โครงการ Max Cement Pyi Nyaung (Max 2) ประเทศพม่า มูลค่า 29 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 870 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะออกแบบด้านวิศวกรรม จัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์ และติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ สำหรับแปลงระบบการผลิตปูนซีเมนต์แบบเปียกและเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 2,100 ตันต่อวัน ระยะเวลาดำเนินงาน 18 เดือน

โครงการ Cimentos Liz Pozzolan Kiln ประเทศบราซิล มูลค่า 13.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 417 ล้านบาท บริษัทฯ จะออกแบบด้านวิศวกรรมและจัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์สำหรับโรงงานผลิตปอซโซลาน กำลังการผลิต 1,500 ตันต่อวัน ระยะเวลาดำเนินงาน 18 เดือน

โครงการรับเหมาสำหรับเพิ่มกำลังการผลิตของระบบการเผาปูนซีเมนต์ขาว ประเทศมาเลเซีย มูลค่า 8.974 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 269.22 ล้านบาท บริษัทฯ จะออกแบบด้านวิศวกรรม จัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์ ก่อสร้างและติดตั้งเพิ่มกำลังการผลิตของระบบการเผาปูนซีเมนต์ขาว ระยะเวลาดำเนินงาน 15 เดือน

และ โครงการ Max Cement (Max1) ประเทศพม่า โดยโครงการนี้เป็นสัญญาเพิ่มเติม มูลค่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 210 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะแปรรูปและติดตั้งเครื่องจักรของโครงการแปลงระบบการผลิตปูนซีเมนต์แบบเปียก และเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2,100 ตันต่อวัน

“บริษัทฯ ได้งานใหม่จำนวน 3 โครงการ และสัญญาเพิ่มเติมอีก 1 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 1,800 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานที่อยู่ระหว่างการรอรับรู้รายได้(Backlog) ของบริษัทฯ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,800 ล้านบาทจากสิ้นปี 2555 ที่มีอยู่ 2,000 ล้านบาท"นายเนียลเซ่น กล่าว

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากผู้ถือหุ้น โดยได้รับเงินทั้งสิ้น 215 ล้านบาท และยังจะได้รับเงินอีกประมาณ 64 ล้านบาท จากการจัดสรรหุ้นอีกจำนวน 51,000,000 หุ้น ให้กับบุคคลในวงจำกัดหรือ PP และเมื่อรวมกับรายได้จากการขายบริษัทลูก (LNVTในประเทศอินเดีย) ทำให้ฐานะการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง สามารถรองรับการเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต

บริษัทฯ จะเข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัท Max Manufacturing ในการผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศพม่า ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโต และจะทำให้บริษัทฯ มีสินทรัพย์ถาวรที่จะสามารถสร้างทั้งรายได้และกำไรในระยะยาว โดยคาดว่ารายละเอียดในการเพิ่มทุนจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ