นอกจากนี้ คาดว่าตัวเลขสินเชื่อเดือน ก.พ. ที่จะรายงานในสัปดาห์นี้จะมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง mom โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรุกตลาดสินเชื่อรายย่อยมากขึ้นตามนโยบายของ CEO คนใหม่จะช่วยสร้าง Yield โดยรวมให้ขยับขึ้นจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปกติปี 2556 จะเติบโตสูงถึง +53.4% yoy เป็น 36,076 ล้านบาท และมีการเติบโตเฉลี่ยของกำไรในช่วง 3 ปีข้างหน้า (CAGR) ที่ระดับ 27.5% ซึ่งจะช่วยเร่ง ROE ให้เพิ่มขึ้นจาก 15.2% ในปี 2555 เป็น 19.6% ในปี 2558 รวมทั้ง จะขึ้นเครื่องหมาย XD สำหรับเงินปันผล 2H55 หุ้นละ 0.44 บาท ในวันที่ 12 เม.ย. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.7%
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น KTB มองเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเสนอโครงการเมกะโปรเจคด้วยเงินลงทุนที่สูงถึง 2 ล้านล้านบาท จะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ในระยะยาว ขณะที่ KTB จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากปริมาณธุรกิจที่เติบโตและความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง จากการที่ธนาคารมีฐานสินเชื่อขนาดใหญ่ทั้งภาคธุรกิจและในส่วนของภาครัฐ (คิดเป็น 50% ของสินชื่อรวม)
พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2556 และ 2557 ขึ้น 5% และ 12% สะท้อนการปรับเพิ่มสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อในปี 2556 และ 2557 ขึ้น 13% และ 16% ตามลำดับ รวมทั้งปรับเพิ่มการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิขึ้นอีก 18% และ 20% ในปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ
โดยคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียม KTB จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในระยะกลางถึงยาว ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียมของ KTB ค่อนข้างที่จะห่างจากธนาคารในประเทศรายอื่น แต่ภายหลังจากการปรับโครงสร้างภายในแล้ว เชื่อว่าธนาคารจะสามารถหันมาเน้นโครงสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมได้มากขึ้น และจะช่วยหนุน ROE ให้เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง จึงให้ KTB เป็นหุ้น Top Picks ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 37 บาท/หุ้น
วานนี้(18 มี.ค.)หุ้น KTB ปิดที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท(+0.95%)