ส่วนโครงการอื่นๆ ก็เป็นไปตามแผนงานที่วางเอาไว้ โดยโครงการที่ 2 ในนาม "บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด" ขณะนี้ได้ปรับพื้นที่เพื่อเตรียมดำเนินการก่อสร้างแล้ว ขณะที่โรงไฟฟ้ามหาชัย กรีน บอร์ดบริหารได้อนุมัติการลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 18 เดือน และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 1/57-ไตรมาส 2/57
ส่วนโรงไฟฟ้า บางสะพานน้อย ไบโอแมส ได้รับใบอนุญาต รง.3 และอยู่ระหว่างการยื่น ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4)
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าในปี 59 จะได้เห็นรายได้จากธุรกิจพลังงานจาก 4 โครงการคือ โครงการ ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ ,ทุ่งสัง กรีน ,มหาชัย กรีน, บางสะพานน้อย ไบโอแมส เติบโตอย่างก้าวกระโดดประมาณ 900-1,000 ล้านบาท
สำหรับปีนี้บริษัทยังคงเน้นงานด้านการก่อสร้างเป็นหลักทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งรับงานโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 400 ล้านบาทขึ้นไป เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ในระดับสูง ขณะเดียวกันได้ลดจำนวนโครงการให้น้อยลงเพื่อให้สามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเน้นทำแนวราบและขายโครงการที่พัฒนาอยู่จำนวน 178 ยูนิต ให้หมดภายในต้นปี 57 (โครงการกรีนิช รามอินทรา) ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และในอนาคตมีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ต่อไปในทำเลใกล้เคียงกันเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น
จากการเติบโตของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีอย่างต่อเนื่อง และเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานและอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้ง TPOLY เตรียมประมูลงานรับเหมาก่อสร้างเพิ่มอีกมูลค่า 10,000 ล้านบาทในปีนี้ คาดว่ามีโอกาสจะได้รับงานไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25-30%
ประกอบกับปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 3,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 2,600 ล้านบาท ทำให้คาดว่ารายได้ในปี 56 จะขยายตัวต่อเนื่องประมาณ 20-25% จากปี 55 โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างประมาณ 2,600 ล้านบาท รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 500 ล้านบาท และรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าประมาณ 175 ล้านบาท
"TPOLY ยังเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้ขยายตัวได้ตามแผนที่ตั้งไว้ และเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีมาก เนื่องจากจะเป็นอีกปีที่กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะได้รับการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อีกทั้งได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้รับอานิสงส์ไปตามๆ กัน ซึ่งจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต" นายไชยณรงค์ กล่าว