บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ราคาหุ้น บมจ.แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK)ปรับตัวสูงขึ้น เพราะนักลงทุนมีความมั่นใจในตัวบริษัทมากขึ้น หลังจากนายประชา มาลีนนท์ ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่แสดงถึงความตั้งใจที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัทอย่างจริงจัง เพื่อรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ให้รอติดตามการใส่เงินเพิ่มทุนของนายประชาและรายอื่นๆ ซึ่งมีกำหนดการจะต้องชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บริษัทให้เสร็จสิ้นไม่เกินวันที่ 25 เมษายน 2556 เวลา 16.00 น.ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 13/2555 เป็นส่วนของนายประชาที่ต้องจ่าย 855.5 ล้านบาท และทั้งกลุ่ม 1,551.5 ล้านบาท
วานนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือจากการจองจำนวน 5.35 หมื่นล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 44.43% ในราคาหุ้นละ 0.029 บาท คือนายประชา มาลีนนท์ สัดส่วน 24.50% นายศานติ ประนิช สัดส่วน 9.96% และนายฟิลิปวีระ บุนนาค 9.96% และจะขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 60,212,570,294 หุ้น อัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 0.029 บาท
นายประชา หนึ่งในผู้ที่เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนล่าสุดของ N-PARK เปิดเผยว่า เหตุผลที่เข้าลงทุนใน N-PARK เนื่องจากมองเห็นศักยภาพการทำธุรกิจ ประกอบกับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจที่ครอบครัวทำอยู่แล้ว รวมทั้งต้องการขยายการลงทุน โดยจะใช้เงินลงทุนเข้าซื้อหุ้น N-PARK จำนวน 900 ล้านบาท คาดว่าจะชำระเงินค่าหุ้นภายในเดือน เม.ย.อย่างไรก็ตาม ทาง N-PARK ได้มีการขยายวงเงินเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งหากมีการใช้สิทธิไม่หมด ตนเองพร้อมเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อได้สิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ หลังการเพิ่มทุนแล้วเสร็จคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 6 เดือน ทาง N-PARK จะเปิด 2 โครงการใหม่ ที่พระราม 4 และโคราช คาดจะเปิดโครงการในต้นปี 57 ส่วนโครงการร้อยชักสามที่เป็นพื้นที่ราชพัสดุที่ N-PARK ชนะประมูล และบริหารโรงแรมระดับหรู นายประชา เห็นว่า โครงการของบริษัทที่มีอยู่ก็ควรเดินหน้าต่อไป
บล.ดีบีเอสฯ ระบุว่า โครงการใหม่กว่าที่จะมีรายได้ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน คือ เปิดโครงการได้ต้นปี 57 กว่าจะโอนมาเป็นรายได้ ต้องใช้ระยะเวลาขายและก่อสร้าง เช่นเดียวกับโรงแรมร้อยชักสาม ส่วนมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ณ สิ้นปี 55 เป็นเพียง 0.01 บาท ดังนั้นการเก็งกำไรจึงควรระมัดระวัง