หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 44.31 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 14,496.37 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 4.81 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 1,556.91 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 10.77 จุด หรือ 0.33% แตะที่ 3,248.36 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านอยู่ที่ 917,000 ยูนิตในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 0.8% จาก 910,000 ยูนิตในเดือนม.ค. และสูงกว่าปีที่แล้วอยู่ 27.7%
รายงานของกระทรวงระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปีในเดือนก.พ. นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงการปรับตัวที่ดีขึ้นของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง ซึ่งเป็นมาตรวัดการก่อสร้างในอนาคต เพิ่มขึ้น 4.6% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 946,000 ยูนิตในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับตัวที่ดีขึ้นของตลาดที่อยู่อาศัยจะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ โดยโครงการที่อยู่อาศัยและการตกแต่งบ้านได้มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจโดยทั่วไปของสหรัฐขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน
ด้านสถานการณ์ในไซปรัสนั้น มีรายงานว่า รัฐสภาไซปรัส ซึ่งมีกำหนดประชุมในเวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันอังคาร เตรียมปฏิเสธข้อเรียกร้องของยูโรกรุ๊ปให้ไซปรัสเก็บภาษีเงินฝากธนาคารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส โดยรายงานระบุว่า ประธานาธิบดีนิคอส อนาสตาเซียเดสของไซปรัสกล่าวกับนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคลของเยอรมนี และนายโอลลี เรห์น กรรมาธิการเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) ว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติของไซปรัสกำลังต่อต้านกฎหมายการเก็บภาษีกันอย่างเต็มที่
เดิมทียูโรกรุ๊ปมีมติให้หักภาษีจากเงินฝากในธนาคารของไซปรัส โดยบัญชีเงินฝากสูงกว่า 100,000 ยูโรจะถูกหักภาษี 9.9% และจะมีการเก็บภาษี 6.75% สำหรับจำนวนเงินที่ต่ำกว่านั้น แต่ยูโรกรุ๊ปได้แก้ไขมติดังกล่าว หลังจากที่เกิดความไม่พอใจเป็นวงกว้างในหมู่ผู้ฝากเงินรายเล็กที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายของรัฐบาล
นอกจากสถานการณ์ในไซปรัสแล้ว นักลงทุนยังจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐเป็นเวลา 2 วัน ในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยคาดว่านายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดจะยังคงสนับสนุนให้เฟดดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ต่อไปในวงเงิน 8.5 หมื่นล้านต่อเดือน และคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและวิกฤตล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นในไซปรัส