ศาล ปค.สูงสุดพิพากษากรณีรัฐออกใบอนุญาตให้ BWG ทำธุรกิจฝังกลบกากฯ ชอบด้วย กม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 20, 2013 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องกรณีออกใบอนุญาตให้ บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน(BWG) ทำธุรกิจฝังกลบกากอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วไม่เป็นอันตราย

วันนี้ ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีดังกล่าวที่นายยงยศ หรือ พศ อดิเรกสาร ที่ 1 กับพวกรวม 39 คน ยื่นฟ้องอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน และมี BWG เป็นผู้ร้องสอด โดยระบุว่า ผู้ถูกฟ้องคดีออกใบอนุญาตให้ BWG ทำธุรกิจฝังกลบกากอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วไม่เป็นอันตรายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก BWG กระทำการปลอมเอกสารเพื่อขอใบอนุญาต นอกจากนี้ BWG ยังมิได้จัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมแต่ประการใดจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และกระทำการฝังกลบเกินกว่าคำขอจนเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ใกล้ด้วยเนื่องจากสารพิษต่างๆ จึงขอให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่ผู้ถูกฟ้องคดีออกให้แก่บริษัทฯ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 มี.ค.50 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้อง โดยได้วินิจฉัย 3 ประเด็นคือ 1.ใบอนุญาตที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 ออกให้แก่ผู้ร้องสอดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าในการขออนุญาตและการพิจารณาอนุญาตนั้น ผู้ร้องสอดได้เตรียมการและประสานงานกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 โดยมีการตรวจสอบสถานที่และเตรียมเอกสาร เป็นล่วงหน้าแล้ว จึงมิใช่กรณีที่มีการดำเนินการทุกอย่างในวันเดียวกันกับที่ยื่นคำขออนุญาต อีกทั้งการแก้ไขสถานที่ตั้งโรงงานเป็นแก้ไขข้อบกพร่องที่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญที่จะกระทบต่อความสมบูรณ์ของใบอนุญาต ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ จึงไม่ใช่กรณีการขออนุญาตตั้งโรงงานใหม่ ดังนั้น การออกใบอนุญาตจึงชอบตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานชอบด้วยกฎหมายแล้ว

2.ใบอนุญาตที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ออกให้กับผู้ร้องสอดตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าคำฟ้องมิได้มีการกล่าวอ้างกรณีดังกล่าว จึงไม่มีกรณีที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้

และ 3.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายว่าด้วยโรงงานกำหนดหรือไม่ เห็นว่า ผลการตรวจสอบพบว่าการประกอบกิจการของผู้ร้องสอดมีสภาพที่อาจก่อให้เกิดอันตรายที่ยังไม่ถึงขนาดเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง และผู้ร้องสอดได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงตามคำสั่งมาโดยตลอด อีกทั้งผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำและตะกอนยังไม่สมบูรณ์พอที่จะสรุปว่ามีการแพร่กระจายของมลพิษ จึงไม่มีเหตุออกคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการ ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่แต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ