บริษัทตั้งเป้ารายได้แต่ละไตรมาสในปี 56 อยู่ที่ 1.5-2 พันล้านบาท/ไตรมาส และคาดการณ์อัตรกำไรขั้นต้นทั้งปีที่ 8-12% จากปี 55 อยู่ที่ระดับ 8.3% เนื่องจากบริษัทฯได้รับงานเพิ่มมากขึ้น และการแข่งขันด้านราคาลดลง อีกทั้งบริษัทยังเลือกรับงานที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้นได้ เพื่อทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถควบคุมต้นทุนการขายและบริหารได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่ากำไรสุทธิในปี 56 จะเติบโตได้ดีเช่นกัน
บริษัทยังคาดว่าจะมีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ภายใต้ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และงานภายใต้การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โดยบริษัทฯจะติดตามการประมูลโครงการประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท โดยอาจจะเป็นผู้รับเหมาโดยตรง หรืออาจเข้าร่วมกับผู้รับเหมารายอื่น หรืออาจจะเป็นซัพพลายเออร์เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะมีส่วนร่วมในงานประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5-2% ทั้งนี้ คาดว่างานภาครัฐจะเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้นในครึ่งปีหลังหรือตั้งแต่ไตรมาส 3/56 เป็นต้นไป
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 56 บริษัทวางแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มอีก 1 โครงการ มูลค่า 100 ล้านบาท จำนวนกว่า 100 ยูนิต หลังจากปีที่แล้วบริษัทฯได้มีการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวไปแล้ว 1 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท จำนวน 200 ยูนิต ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 60 ยูนิต โดยบริษัทฯได้จัดตั้งบริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด มาบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการแบ่งแยกรายได้และรายจ่ายอย่างชัดเจน
“เราหันมาพัฒนาโครงการอสนังหาริมทรัพย์เอง เนื่องจากการเข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาฯเองนั้นมีมาร์จิ้นที่ดีกว่าการรับเหมาอย่างเดียว โดยโครงการอสังหาฯมีมาร์จิ้น 25-30% แต่การรับเหมามีมาร์จิ้นแค่ 8-12% เราทำเองนั้นการออกแบบและการก่อสร้างสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่า แต่เรายังไม่ทำโครงการใหญ่ๆ จะเน้นไปที่โครงการขนาดปานกลาง
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม มูลค่าระดมทุน 1.5-2 พันล้านบาท เพื่อรองรับงานที่จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังทั้งงานภาครัฐและเอกชน อีกทั้งยังแบ่งเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนส่วนหนึ่งไปใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทด้วย