สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB145B LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 1.2 ปี 6.2 ปี และ2.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 14,266 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ หุ้นกู้ของ
1. บริษัท เมอร์เซเดส — เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH14DA) มูลค่า 142 ล้านบาท
2. บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC136A) มูลค่า 124 ล้านบาท
3. บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP273A) มูลค่า 106 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 371 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มียอดซื้อสุทธิ สูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซื้อสุทธิ 5,453 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้ ซื้อสุทธิ 2,994 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ มูลค่า 45 ล้านบาท
Yield Curve ค่อนข้างคงที่ในทุกช่วงอายุของตราสาร ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ด้านการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำและดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (QE) ต่อเนื่อง ในส่วนเรื่องของค่าเงินบาทแข็งค่า และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของไซปรัส ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิเท่ากับ 45 ล้านบาท