ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 60.67 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 14,451.06 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.52 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 1,552.19 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 18.37 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 3,235.81 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงหลังจากมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนในเดือนมี.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.5 จาก 47.9 ในเดือนก.พ. ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคธุรกิจยูโรโซนหดตัวรุนแรงขึ้นในเดือนนี้ โดยดัชนีที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมในภาคธุรกิจหดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า
ส่วนภาคธุรกิจโดยรวมของเยอรมนี แม้ว่าจะมีการขยายตัวในเดือนนี้ แต่ก็เป็นไปในอัตราที่ชะลอลง โดยดัชนี PMI เบื้องต้นของเยอรมนี อ่อนแรงลงมาอยู่ที่ 51.0 ในเดือนมี.ค. จาก 53.3 ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 มี.ค. เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะระดับ 336,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 345,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่ง หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% แตะที่ 4.98 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2552 ส่วนยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.ได้รับการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นเป็น 4.94 ล้านยูนิต จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 4.92 ล้านยูนิต สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น
นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ของไซปรัส โดยล่าสุดมีรายงานว่าคณะผู้นำทางการเมืองของไซปรัสมีมติอนุมัตมาตรการ "plan B" โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนราว 5.8 พันล้านยูโร หรือ 7.48 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้ในการกอบกู้วิกฤตการเงินของประเทศ