นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHOW กล่าวว่า ตั้งเป้ารายได้ปี 56 เติบโตจากปี 55 เนื่องจากกำลังการผลิตเริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติหลังจากเมื่อไตรมาส 3/55 โรงงานในเฟส 2 ถูกไฟไหม้ โดยในปีนี้กำลังการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2.5-3 แสนตันต่อปี และบริษัทยังได้รับเงินชดเชยประกันภัยเหตุเพลิงไฟไหม้โรงงานในเฟส 2 ราว 45 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยในไตรมาส 1/56 คาดว่าบันทึกรายได้ส่วนนี้จำนวน 10 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทเพียงเล็กน้อย เนื่องจากราคาเหล็กบิลเล็ตนำเข้ามีราคาที่ถูกกว่าราคาเหล็กบิลเล็ตในประเทศ ทำให้บริษัทต้องลดราคาเหล็กบิลเล็ตให้ใกล้เคียงกับเหล็กบิลเล็ตนำเข้า ดังนั้นจึงต้องมีการจัดการสินค้าในสต๊อกเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อรักษาระดับอัตรากำไร(มาร์จิ้น)
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันบริษัทก็สามารถซื้อเศษเหล็กนำมาผลิตในราคาที่ถูกลง ทำให้ต้นทุนลดลง ทำให้บริษัทรักษาระดับมาร์จิ้นในปี 56 ให้ใกล้เคียงกับปี 55 โดยการรักษาส่วนต่างราคาขายและต้นทุนผลิตภัณฑ์ให้อยู่ที่ 5-6 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อรักษาระดับมาร์จิ้นให้ใกล้เคียงกับปีก่อน
ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยในปีนี้ได้รับผลดีจากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ จากโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าต่างๆ และพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/56-ไตรมาส 4/56 ขณะที่ตลาดโลกยังมี Over Supply อยู่มาก ราคาเหล็กมีการขึ้นและลงไม่แรงมากนัก และราคาวิ่งอยู่ในกรอบแคบ อีกทั้งค่าเงินบาทในประเทศที่แข็งค่าขึ้นเป็นแรงกดดันราคาเหล็กในประเทศอย่างมาก เนื่องจากราคาเหล็กที่นำเข้ามามีราคาถูกลง