ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 64.28 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 14,447.75 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.20 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 1,551.69 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 9.70 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 3,235.30 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงหลังจากนายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป กล่าวว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซนอาจจะเผชิญกับวิกฤตด้านการธนาคารแบบเดียวกับไซปรัส
อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับฐานลงในกรอบที่จำกัดเพราะได้แรงหนุนในระหว่างวันจากข่าวที่ว่าสหภาพยุโรป (อียู) และไซปรัสได้บรรลุข้อตกลงพื้นฐานเกี่ยวกับเงื่อนไขของมาตรการให้ความช่วยเหลือมูลค่า 1 หมื่นล้านยูโรในวันนี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะช่วยกอบกู้วิกฤตในภาคการธนาคารของไซปรัส
หลังจากนั้นไม่นาน รัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนก็ได้ให้การรับรองข้อตกลงของไซปรัสกับกลุ่มทรอยกา ซึ่งประกอบด้วยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในการปรับโครงสร้างภาคการธนาคารของไซปรัส
การบรรลุข้อตกลงในการให้ความช่วยเหลือไซปรัสได้สร้างความผ่อนคลายแก่ตลาดเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ระลอกใหม่ในภูมิภาคและได้ขจัดความกังวลที่ว่าไซปรัสจะพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ซึ่งส่งผลให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตทั่วประเทศในเดือนก.พ.ดีดตัวขึ้นแตะ 0.44 จาก -0.49 ในเดือนม.ค. นำโดยดัชนีที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ซึ่งปรับขึ้นแตะ 0.34 ในเดือนก.พ. จาก -0.30 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่งสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีที่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่ดัชนีที่เป็นบวกแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่สูงกว่าแนวโน้ม
หุ้นเดลล์ อิงค์พุ่ง 2.62% หลังมีการเปิดเผยว่าบริษัทแบล็คสโตน กรุ๊ปและนายคาร์ล ไอคาห์น มหาเศรษฐีนักลงทุน ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อหุ้นของบริษัทเดลล์ ส่วนหุ้นแบล็คเบอร์รีร่วง 4.6% หลังโกลด์แมน แซคส์ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแบล็คเบอร์รี
ส่วนหุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ร่วงลง 1% และหุ้นเฟดเอ็กซ์ดิ่งลง 1.5%