นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังคงมีโมเมนตัมของการปรับตัวขึ้นไปได้อยู่ แต่เมื่อขึ้นไปก็คงจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาด้วย เนื่องจากเมื่อวานนี้ตลาดฯรีบาวน์ค่อนข้างแรง
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภุมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบเล็กน้อย ไม่ค่อยจะเคลื่อนไหวเท่าไร ซึ่งปัจจัยนอกประเทศยังคงจะต้องติดตามสถานการณ์ในยุโรปต่อไป ส่วนปัจจัยในประเทศก็ต้องติดตามประเด็นทางการเมืองให้มากขึ้น
พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด แนวต้าน 1,550 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(25 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,447.75 จุด ลดลง 64.28 จุด(-0.44%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,551.69 จุด ลดลง 5.20 จุด(-0.33%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,235.30 จุด ลดลง 9.70 จุด(-0.30%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 84.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 43.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.14 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.00 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.80 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.95 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 9.20 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(25 มี.ค.)ที่ 1,523.95 จุด เพิ่มขึ้น 44.98 จุด(+3.04%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 692.07 ล้านบาท เมื่อ 25 มี.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 94.81 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(25 มี.ค.)ที่ 7.0 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.32/34 ยังกังวลปัญหาไซปรัส-การเมืองอิตาลี
- "ชัชชาติ" ปัด ตั้งนิติบุคคลพิเศษร่วมทุนต่างชาติบริหารรถไฟความเร็วสูง หวั่นต่างชาติผูกขาด ย้ำรัฐบาลเจ้าของ แค่เปิดเอกชนเช่าเดินรถและเช่าพื้นที่ทำธุรกิจ นักวิชาการเตือนต้องปลอดนักการเมืองหาผลประโยชน์องค์กรใหม่ กังขารัฐทุ่มลงทุนเอื้อจีน ส่วนญี่ปุ่นรับประโยชน์ ด้าน "ยิ่งลักษณ์" โพสต์แจงข้อดีกู้เงินลงทุน ซักซ้อมวิปรัฐฉลุยพร้อมชี้แจง ฝ่ายค้านเตรียม 40 ขุนพลชำแหละ "อภิสิทธิ์" ย้ำไม่จำเป็นต้องกู้
- บอร์ดกสท.เคาะ 12 ช่อง "ทีวีดิจิทัล" สาธารณะ จัดสรร"รายเดิม" 4 ช่อง ออกอากาศ คู่ขนานระบบอนาล็อก เปิด "รายใหม่" ขอไลเซ่น 8 ช่อง กำหนดอายุครั้งแรก 4 ปี คาดเปิดยื่นขอไลเซ่น เดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ พร้อมแจกใบอนุญาต เดือนพ.ค.-มิ.ย. นี้
- นโยบายคืนเงินรถคันแรกสะดุด งวด เม.ย. เหลืองบแค่ 361 ล้าน, นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางยังไม่ทราบว่าจะนำเงินจากที่ไหนมาจ่ายคืนให้กับผู้ได้สิทธิทางภาษีในโครงการรถคันแรกในเดือน เม.ย.นี้ เพราะงบประมาณที่ตั้งไว้เหลือไม่พอจ่ายให้กับผู้ซื้อแล้ว
- คลังเตรียมดึงเงินคงคลังประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายคืนให้แก่ผู้ใช้สิทธิ์รถคันแรก โดยจำนวนเงินที่เหลือจ่ายล่าสุดอยู่ที่กว่า 200 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งงบไว้ 7 พันล้านบาท ขณะที่จำนวนเงินที่ต้องจ่ายคืนแก่ผู้ใช้สิทธิ์ที่ครบกำหนดมีจำนวน 3.8 หมื่นล้านบาท "กิตติรัตน์"ชี้ ยอดคืนรถคันแรก 2 พันคันมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์กว่า 1 ล้านคันที่เข้าโครงการ ระบุแม้เป็นนโยบายประชานิยม แต่ได้ช่วยลดภาระให้สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีรถยนต์คันแรก
- ก.ล.ต.เปิดกว้างให้กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานได้ เพิ่มทางเลือกลงทุนและกระจายความเสี่ยง ขณะเดียวกันคปภ.ผ่อนปรนประกันภัย-ประกันชีวิตขยายการลงทุนได้เพิ่มขึ้น
- แบงก์ชาติรายงานยอดคงค้างพันธบัตรภาครัฐล่าสุดทะลุ 6.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากระยะเดียวกันของปีก่อน สถานการณ์ล่าสุด 15 มี.ค.ที่ผ่านมา นักลงทุนยังแห่เข้าซื้อพันธบัตรภาครัฐระยะสั้นจำนวนมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนต่ำกว่าราคาอ้างอิง
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทยเข้าดัชนี DJSI เพิ่มจากปัจจุบันมีแค่ ปตท. และเครือซิเมนต์ไทย คาดมีเพิ่มอีก 4-5 แห่ง หลังหลายหน่วยงานให้ความสำคัญด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมเพิ่ม ล่าสุด ก.ล.ต.เตรียมให้ทุก บจ. ส่งรายงานเชิง CSR เพิ่มเติมจากรายงานผลดำเนินงาน
- ส.อ.ท.เตรียมหารือ ธปท.สัปดาห์นี้หลังสมาชิกร้องบาทแข็งกระทบรายได้หด หวั่นแข็งต่อฉุดออเดอร์ไตรมาส 3-4 วูบแน่หลังบางส่วนเริ่มชะลอแล้ว เหตุเอกชนต้องดิ้นปรับราคาสินค้าขึ้น โวยทั้งค่าแรงขึ้นบาทยังมาซ้ำเติมอีก
*หุ้นเด่นวันนี้
- ECF(บมจ. อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค)เข้าเทรดวันนี้(26 มี.ค.)วันแรก "ฟินันเซีย ไซรัส"ประมินราคาเป้าหมาย 1.80 บาท อิง PE 15 เท่า โดยบริษัทฯเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด กระดาษปิดผิว และไม้ยางพาราแปรรูปทั้งในประเทศ (39%) และต่างประเทศ (61%) แม้กำไรปี 2012 จะต่ำกว่าคาดคือเติบโต 18% เทียบกับที่เราคาดโต 53% (ดอกเบี้ยและภาษีจ่ายที่มากกว่าคาด) และทำให้ปรับกำไรปีนี้ลง 14% เป็น 65 ล้านบาท แต่ยังโตสูงถึง 82% จากปีก่อนจากคำสั่งซื้อที่จะกลับมาหลังจากบริษัทเปลี่ยนรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ของลูกค้าต่างประเทศเสร็จเรียบร้อย การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และการปรับปรุงกระบวนการผลิต
- TTA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับเป้าปีนี้ขึ้นเป็น 23.70 จาก 19 บาท โดย Re-rate PBV ขึ้นเป็น 1 เท่าจากเดิมอิง 0.8 เท่า การฟื้นตัวหลัก ๆ ในปีนี้จะมาจากธุรกิจ Mermaid ที่จะเริ่มทยอยรับมอบเรือขุดเจาะ Jack-up rig 3 ลำ (รับมอบแล้ว 1 ลำและได้รับงานต่อเนื่อง 3 ปี) ส่วนเรือขุดเจาะ Tender rig กำลังจะเริ่มรับงานหลังหยุดซ่อมบำรุง คงประมาณการกำไรปีนี้แต่ปรับกำไรปีหน้าขึ้น 50% เป็น 731 ล้านบาท(+365% Y-Y) เพราะความสำเร็จในการเพิ่มทุนทำให้บริษัทนำเงินไปซื้อเรือเพิ่ม 9 ลำ และต่อเรือใหม่ 4 ลำ พร้อมรองรับเมื่อปัญหา oversupply ของเรือเทกองหมดไปกลางปีหน้า
- LH(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 15.30 บาท จากยอดขายของสินค้าคอนโดมีเนียมที่ได้รับการตอบรับดีสร้างยอดขายได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะแบรนด์ The Room และ The Key สอดคล้องกับการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี2556 ที่เน้นตลาดเชิงรุกในตลาดคอนโดมีเนียมมากขึ้นในสัดส่วน 45%พร้อมโอกาสขาย Property-Fund ซึ่งจะเห็นบันทึกกำไรจากการขาย และ มีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม มูลค่าสินทรัพย์ 3 แห่งปัจจุบันอยู่ที่ 9 พันล้านบาท
- ROJNA(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 14 บาท แนวโน้มในปี 2556 ยังคงโดดเด่น โดยที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 1.5 พันไร่ นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมโดยเฉพาะที่ จ.ปราจีนบุรี อีกทั้งผลการดำเนินงานยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจ Solar Farm (24 MW) ซึ่งจะเริ่มขายไฟให้ EGAT ได้ในไตรมาสที่ 3 และส่วนขยายของโรงไฟฟ้า(165 MW) ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ปลายปีนี้ ประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 ไว้ที่ 1.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
- TRUE(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 10.10 บาท ประเมินหุ้น High Beta มีแนวโน้ม Rebound ขึ้นได้ดีกว่าตลาด เมื่อ SET INDEX เข้าสู่การฟื้นตัว โดย TRUE มี Beta ที่ 1.1 เท่า และราคาหุ้นมี Sentiment เชิงบวก หลัง NVDR รายงานซื้อสุทธิหุ้น TRUE สูงสุดเป็นอันดับ 2 วันที่ 2 ติดต่อกันอีก 209 ล้านบาท และซื้อสุทธิ 4 วันทำการรวม 569.4 ล้านบาท ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของ TRUE คาดว่าจะดีขึ้นตามลำดับในปี 2556 จากการโอนย้ายฐานลูกค้าจากระบบ 2G มายัง 3G ระบบ 850 MHz ที่ทำได้รวดเร็วขึ้น หลังได้รับอนุมัติเลขหมายใหม่จาก กสท.อีกราว 5 ล้านหมายเลข