การลงทุนดังกล่าวเพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ AIT ให้มีความแข็งแกร่ง ด้วยการต่อยอดไปสู่การให้บริการคลาวด์ เซอร์วิส(Cloud Services) รองรับความต้องการลูกค้าภาคเอกชนที่ต้องการคลาวด์ คอมพิวติ้ง เพื่อเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจของลูกค้าให้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังช่วยให้ AIT สามารถขยายฐานลูกค้าด้านการให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวมถึงกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ AIT ต้องการขยายฐานลูกค้านี้ให้มากขึ้น จากปัจจุบันฐานลูกค้าและสัดส่วนรายได้หลักของ AIT มาจากงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจกว่า 80% จากรายได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้านไอที ที่มีความหลากหลายและความชำนาญเฉพาะด้าน ซึ่งส่งผลดีต่อความสามารถในการรับงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงลดความเสี่ยงด้านการขาดแคลนบุคลากรด้านไอที เนื่องจากปัจจุบันบุคลากรด้านไอทีในปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
“นโยบายของ AIT คือ มองหาโอกาสและช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดกว้างต่อรูปแบบการลงทุน ซึ่งมีทั้งการจัดตั้งบริษัทฯ หรือการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และการเข้าซื้อกิจการที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับสื่อสารโทรคมนาคมด้านไอที ที่มีศักยภาพเพื่อเข้ามาต่อยอดเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ AIT อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสด้านการให้บริการไปยังฐานลูกค้าใหม่ๆ และผลักดันรายได้ของ AIT ให้เติบโตแข็งแกร่งต่อไป" นายศิริพงษ์ กล่าว
ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ AIT ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,400 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป้าการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากเดิมที่เคยเติบโตเพียงปีละ 10-15% เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปีนี้มีทิศทางที่สดใส ซึ่งมาจากการลงทุนในภาครัฐที่มีการขับเคลื่อนนโยบาย ICT แห่งชาติ ขณะที่ภาคเอกชนต่างลงทุนด้านเทคโนโลยีไอทีมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันด้านธุรกิจ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของ AIT ที่จะมีโอกาสเข้าประมูลรับงานเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน AIT มีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ ณ สิ้นปี 55 อยู่ประมาณ 3,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ได้ 3,000 ล้านบาท ไม่นับรวมกับงานที่อยู่ระหว่างการรอประมูลและรายได้ที่เกิดจากการเข้าซื้อหุ้นเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในครั้งนี้