(เพิ่มเติม) "คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ฯ"จะขาย IPO 200 ล้านหุ้น เข้าตลาด SET

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 27, 2013 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น(CSS) ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 26 มี.ค.เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชน(IPO)จำนวน 200 ล้านหุ้น โดยเสนอขายประชาชนทั่วไป 190 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 10 ล้านหุ้น โดยมีบริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติจดทะเบียนหุ้นสามัญทั้งหมดเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)

วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ไปใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น เดิมชื่อ บริษัท ซี.เอส.เอส.ไฟร์สต๊อป จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ จากผู้ผลิตชั้นนำของโลก รวมทั้งให้บริการออกแบบ และก่อสร้างโครงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมทั่วประเทศ โดยมีบริษัทย่อยคือ บริษัท ซี.เอส.เอส. เคเบิ้ล แอนด์ แอคเซสซอรี่ส์ จำกัด ซึ่งบริษัทได้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 55 มีรายได้รวม 3,302.11 ล้านบาท กำไรสุทธิ 158 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 ธ.ค.55 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 1,987 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,580 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 407 ล้านบาท

ณ วันที่ 15 มี.ค.56 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท เป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว 250 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังจากเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 350 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 700 ล้านหุ้น

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 21 มี.ค.56 คือ กลุ่มครอบครัวกังสวิวัฒน์ ถือหุ้น 230,581,338 หุ้นหรือคิดเป็น 46.12% ภายหลังจากเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 32.94%

ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของบการเงินเฉพาะของบริษัท และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่น ๆ ตามที่บริษัทกำหนด

นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CSS เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่การเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้ง โดยบริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบงานไฟฟ้า รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันไฟลามจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก เช่น ตราสินค้า phelps dodge ตราสินค้า Philips และตราสินค้า 3M เป็นต้น ซึ่งความหลากหลายในสินค้าของบริษัทสามารถตอบสนองความ ต้องการของลูกค้าในระบบงานไฟฟ้าได้อย่างครบวงจร

นอกจากนั้น บริษัทยังได้ดำเนินธุรกิจการให้บริการติดตั้ง โดยเป็นการให้บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบโทรคมนาคมและระบบป้องกันไฟลาม รวมทั้งให้บริการงานด้านบำรุงรักษาระบบโทรคมนาคม ทั้งนี้ ในปี 2555 บริษัทมีรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าและรายได้จากการให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบ คิดเป็นร้อยละ 78 และร้อยละ 22 ของรายได้รวม ตามลำดับ

สำหรับผลประกอบการปี 53-55 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 1,752 ล้านบาท 2,339 ล้านบาท และ 3,302 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยของรายได้ในอัตราประมาณ 37% ต่อปี โดยรายได้หลักมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 78-88% ของรายได้รวม ส่วนรายได้ที่สำคัญรองลงมา ได้แก่ รายได้จากการบริการติดตั้ง ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 8-22% ของรายได้

ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 53-55 จำนวน 28 ล้านบาท 40 ล้านบาท และ 158 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตของกำไรสุทธิในอัตราประมาณ 140% ต่อปีและคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิประมาณ 2%, 2% และ 5% ตามลำดับ โดยผลประกอบการกำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากรายได้จากการขาย และรายได้จากการบริการติดตั้งเป็นหลัก

“จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวทั้งภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศ รวมถึงการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังตื่นตัวเพื่อรองรับ AEC จึงถือเป็นโอกาสของบริษัทที่จะขยายให้มีการเติบโตตามไปด้วย การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ เพราะนอกจากได้เงินทุนมาสำหรับขยายธุรกิจและปรับฐานทุนของบริษัทให้มีความแข็งแรงแล้ว ยังจะทำให้ชื่อเสียงของ CSS เป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทมีแผนในการขยายงานทั้งด้านการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้า และงานด้านโทรคมนาคมที่มีการเติบโตอย่างมากในขณะนี้ บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามฐานลูกค้าและปริมาณความต้องการของลูกค้า ดังนั้น การระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้ CSS มีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งกว่าทีเป็นมาบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม "นายสมพงษ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ