วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ไปใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น เดิมชื่อ บริษัท ซี.เอส.เอส.ไฟร์สต๊อป จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ จากผู้ผลิตชั้นนำของโลก รวมทั้งให้บริการออกแบบ และก่อสร้างโครงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมทั่วประเทศ โดยมีบริษัทย่อยคือ บริษัท ซี.เอส.เอส. เคเบิ้ล แอนด์ แอคเซสซอรี่ส์ จำกัด ซึ่งบริษัทได้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 55 มีรายได้รวม 3,302.11 ล้านบาท กำไรสุทธิ 158 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 ธ.ค.55 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 1,987 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,580 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 407 ล้านบาท
ณ วันที่ 15 มี.ค.56 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท เป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว 250 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังจากเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 350 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 700 ล้านหุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 21 มี.ค.56 คือ กลุ่มครอบครัวกังสวิวัฒน์ ถือหุ้น 230,581,338 หุ้นหรือคิดเป็น 46.12% ภายหลังจากเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 32.94%
ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของบการเงินเฉพาะของบริษัท และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่น ๆ ตามที่บริษัทกำหนด
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CSS เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่การเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้ง โดยบริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบงานไฟฟ้า รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันไฟลามจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก เช่น ตราสินค้า phelps dodge ตราสินค้า Philips และตราสินค้า 3M เป็นต้น ซึ่งความหลากหลายในสินค้าของบริษัทสามารถตอบสนองความ ต้องการของลูกค้าในระบบงานไฟฟ้าได้อย่างครบวงจร
นอกจากนั้น บริษัทยังได้ดำเนินธุรกิจการให้บริการติดตั้ง โดยเป็นการให้บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบโทรคมนาคมและระบบป้องกันไฟลาม รวมทั้งให้บริการงานด้านบำรุงรักษาระบบโทรคมนาคม ทั้งนี้ ในปี 2555 บริษัทมีรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าและรายได้จากการให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบ คิดเป็นร้อยละ 78 และร้อยละ 22 ของรายได้รวม ตามลำดับ
สำหรับผลประกอบการปี 53-55 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 1,752 ล้านบาท 2,339 ล้านบาท และ 3,302 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยของรายได้ในอัตราประมาณ 37% ต่อปี โดยรายได้หลักมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 78-88% ของรายได้รวม ส่วนรายได้ที่สำคัญรองลงมา ได้แก่ รายได้จากการบริการติดตั้ง ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 8-22% ของรายได้
ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 53-55 จำนวน 28 ล้านบาท 40 ล้านบาท และ 158 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตของกำไรสุทธิในอัตราประมาณ 140% ต่อปีและคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิประมาณ 2%, 2% และ 5% ตามลำดับ โดยผลประกอบการกำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากรายได้จากการขาย และรายได้จากการบริการติดตั้งเป็นหลัก
“จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวทั้งภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศ รวมถึงการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังตื่นตัวเพื่อรองรับ AEC จึงถือเป็นโอกาสของบริษัทที่จะขยายให้มีการเติบโตตามไปด้วย การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ เพราะนอกจากได้เงินทุนมาสำหรับขยายธุรกิจและปรับฐานทุนของบริษัทให้มีความแข็งแรงแล้ว ยังจะทำให้ชื่อเสียงของ CSS เป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทมีแผนในการขยายงานทั้งด้านการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้า และงานด้านโทรคมนาคมที่มีการเติบโตอย่างมากในขณะนี้ บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องขยายคลังสินค้าเพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามฐานลูกค้าและปริมาณความต้องการของลูกค้า ดังนั้น การระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้ CSS มีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งกว่าทีเป็นมาบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม "นายสมพงษ์ กล่าว