ส่วนกำไรจากการดำเนินงานก็คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อน แต่ในแง่ของกำไรสุทธิยังคงต้องรอดู เพราะในปี 55 บริษัทรับรู้รายได้พิเศษจากเงินชดเชยประกันภัยน้ำท่วม
นายฉัตรชัย พันธัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี BAFS กล่าวว่า บริษัทปรับเป้าปริมาณเติมน้ำมันปีนี้มาที่ 4,838 ล้านลิตร จากปีก่อน 4,564 ล้านลิตร ซึ่งเติบโตขึ้น 6% สูงกว่าเดิมที่ตั้งเป้าจะเติบโตแค่ 4% เนื่องจากเห็นตัวเลขปริมาณเติมน้ำมันในเดือนม.ค.-ก.พ.เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบิน และแต่ละสายการบินเพิ่มเครื่องบินลำใหม่ รวมทั้งการเปิดใช้สนามบินดอนเมืองรองรับเที่ยวบินช่วง peak ขณะที่การท่องเที่ยวในเอเชียที่เพิ่มขึ้นมาก ถึงแม้ยุโรปจะลดลง
พร้อมกันนี้ตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้เติบโต 6% ตามปริมาณเติมน้ำมัน และกำไรจากการดำเนินงานจะสูงกว่าปี 55 แน่นอนตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น และภาระการเสียภาษีนิติบุคคลลดลง แต่ในส่วนของกำไรสุทธิยังเทียบไม่ได้เพราะปี 55 มีรายการพิเศษจากเงินประกันน้ำท่วมราว 200 ล้านบาท
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 1/56 คาดว่าปริมาณเติมน้ำมันจะเติบโตราว 4% เพราะเดือน ก.พ.มี 28 วัน แต่ก็ยังถือว่าเติบโตได้ดี และเชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะขยายตัวตามอุตสาหกรรมการบิน จำนวนเครื่องบินลำใหม่เพิ่มขึ้น และการเปิดใช้สนามบินดอนเมืองเต็มที่ เพราะมีเครื่องบินโลว์คอสต์เข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 280 ล้านบาท แบ่งเป็นสร้างกำแพงกั้นน้ำที่สนามบินสุวรรณภูมิ 55 ล้านบาท วางระบบ SAP ราว 40 ล้านบาท ระบบเติมน้ำมันเครื่องบิน 50 ล้านบาท ซื้อรถบรรทุกน้ำมันเพิ่มเติม 8 คัน วงเงิน 80 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะต้องใช้เงินอีก 700 ล้านบาทสำหรับวางระบบท่อน้ำมันใต้ดินในโครงการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งเป็นการลงทุนในส่วนของบริษัทย่อย โดยคาดว่าคณะกรรมการ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT หรือ ทอท.)จะมีข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้
สำหรับกรณีเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาไม่กระทบต่อผลประกอบการของบริษัทมากนัก เพราะสัดส่วนรายได้เป็นสกุลดอลลาร์แค่ 12% ของรายได้รวม และบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงไว้แล้วครึ่งหนึ่ง