“ในไตรมาส 1/56 บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบโรคระบาด EMS ที่เกิดขึ้น ทำให้มูลค่าในอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ 20-30% ซึ่งรายได้ของบริษัทก็จะลดลงตามภาวะอุตสาหกรรม แต่บริษัทก็มีแนวทางแก้ปัญหาโดยการปรับสัดส่วนของปลาให้มากขึ้น จากเดิมปลา 35% กุ้ง 35% ปีนี้เป็นปลา 50% และกุ้ง 50% แต่มูลค่าของกุ้งมากกว่าปลา แต่ปลามีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งจะสามารถทำให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5-6% ใกล้เคียงกับปีก่อน"นายอนุโรจน์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 100 ล้านบาทในการพัฒนาธุรกิจอาหารแช่แข็ง โดยการเพิ่มเครื่องจักรเพื่อทดแทนการใช้แรงงานคน เป็นการลดต้นทุนค่าแรงงาน และขยายห้องเก็บสินค้าแช่แข็ง แต่อยู่ระหว่างการรอดูสถานการณ์โรคระบาดกุ้งเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนที่จะเกิดขึ้น
ส่วนโรงงานผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำแห่งใหม่ที่ จ.สงขลา มูลค่าการลงทุน 400 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4/56 ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์น้ำอีก 60,000 ตัน/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 80,000 ตัน/ปี ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 140,000 ตัน/ปี
นอกจากนี้บริษัทมีโครงการในการเพาะพันธุ์ปลา คาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการได้ในช่วงไตรมาส 3/56 ซึ่งเป็นโครงการที่ให้อัตรากำไรที่ดีและสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทมูลค่าราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มที่ในปี 57