(เพิ่มเติม) SCC มองแนวโน้มสเปรดปิโตรฯทั้งปีฟื้น, บาทแข็งหนักกระทบกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 27, 2013 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 1/56 สเปรดปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/55 ทำให้บริษัทมองว่าแนวโน้มทั้งปี 56 สเปรดจะดีขึ้นจากปีก่อน

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC มั่นใจว่าแนวโน้มสเปรดปิโตรเคมีในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปี 55 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 430 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยพบว่าแนวโน้มสเปรดของ HDPE กับนาฟทาดีขึ้นจากไตรมาส 4/55 ที่อยู่ในระดับ 449 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาที่ 520 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 1/56 และล่าสุดเพิ่มมาเป็น 527 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ขณะที่สเปรดโพรพิลีนกับนาฟทาในไตรมาส 4/55 อยู่ที่ 519 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มเป็น 580 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 1/56 และล่าสุดอยู่ที่ 590 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น

"ปีนี้สถานการณ์ปิโตรเคมีน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว และน่าจะทำให้บริษัทร่วมทุนมีผลประกอบการดีขึ้น จากปีก่อนที่ขาดทุน 606 ล้านบาท...แต่ก็เป็น season ในไตรมาส 1 จะดีขึ้น และไตรมาส 2 จะลดลง จากนั้นไตรมาส 3 จะดีขึ้น เพราะเป็นช่วงการทำเกษตรกรรมของจีน น่าจะดีขึ้น โดยรวมครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น เพราะมี Supply เข้ามาราว 5 ล้านตัน แต่ดีมานด์ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยก็น่าจะ cover กันได้"นายกานต์ กล่าว

สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าในปีนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อผลกำไรบ้าง โดยเงินบาทที่แข็งค่าทุก 1 บาท จะกระทบกำไรไม่ถึง 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเป็นผู้ส่งออกมากกว่าการนำเข้าวัตถุดิบ จึงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ ซึ่งบริษัทก็ได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ราว 70-80% แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

"เงินบาทยังแข็งค่ากว่าค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ซึ่งหากเทียบค่าเงินรูเปียะห์ของอินโดนีเซีย ขณะนี้อ่อนค่าลงราว 5-6% ดังนั้นหวังที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าลงอยู่ที่ 30-31 บาท/ดอลลาร์"นายกานต์ กล่าว

ในวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น SCC อนุมัติเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้อีก 5 หมื่นล้านบาท จากวงเงินเดิมที่มีอยู่ 1.5 แสนล้านบาท รวมมีวงเงินออกหุ้นกู้ 2 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทจะทยอยออกหุ้นกู้เพื่อชดเชยวหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอน โดยในเดือน เม.ย.56 บริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอนวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท

ส่วนการเข้าถือหุ้น 85% ในบริษัท Prime Group Join Stock Company ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเซรามิครายใหญ่ในเวียดนาม ได้บรรลุข้อตกลงเมื่อเดือน ธ.ค.55 และจะชำระเงินค่าหุ้นภายในเดือน มี.ค.นี้ ใช้เงินลงทุนราว 7 พันล้านบาท และตั้งแต่ไตรมาส 2/56 บริษัทจะรับรู้รายได้จากการซื้อหุ้นดังกล่าว โดย Prime Group มีรายได้ 5-6 พันล้านบาท/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ