เช้านี้ หนังสือพิมพ์รายงานข่าวว่า เครือ PTT เจรจาขอถือหุ้น 30% ใน บมจ.เอสพีซีจี(SPCG)หลังเห็นโอกาสทองทางธุรกิจ ขณะที่ SPCG แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทฯ ไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวเรื่องการเจรจาเข้าซื้อหุ้นของบริษัท และข้อความที่ปรากฏในข่าวไม่ถูกต้อง พร้อมนี้บริษัทฯขอชี้แจงว่า บริษัทฯได้มีการดำเนินการศึกษาโอกาสในการเจริญเติบโตระยะยาวในทางธุรกิจตามแผนธุรกิจของบริษัทฯอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาและขยายการเจริญเติบโตทางธุรกิจและเสริมสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุน
ด้านบล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น SPCG โดยได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 39 บาท/หุ้น จากเดิม 17.70 บาท/หุ้น สะท้อนการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนที่ลดลงของโครงการที่มีอยู่ บวกกับกำลังการผลิตโซล่าร์ใหม่ 100MW นอกจากกำไรที่เติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วง 2 ปี ที่น่าประทับใจที่ 121% และซื้อขายที่ PEG ที่ 0.2 เท่า แล้ว การกัน IFF ส่วนหนึ่งให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น
ทั้งนี้ เชื่อว่า SPCG มีเรื่องเกี่ยวกับโครงการพลังงานทดแทนของไทยที่น่าสนใจที่สุด นอกจากนี้ SPCG ยืนยันว่า แผนขายสินทรัพย์ (โครงการที่ 10-16) เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) จะแล้วเสร็จใน 2Q13 ซึ่งลดความกังวลเกี่ยวกับความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการที่เหลือ (17-36)
SPCG กำลังหาโอกาสในการขยายธุรกิจ EPC บริษัทฯ ได้ร่วมทุน JV 20% กับ Kyocera และพันธมิตรท้องถิ่นประมูลโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 100MW ในแผน 10GW แรก (ระยะยาว 50GW) ของซาอุดิอาระเบีย บริษัทฯ เห็นโอกาสที่จะร่วมทุนกับผู้ที่ได้รับคัดเลือก นอกจากนี้ SPCG กำลังหาโอกาสในพม่าเช่นกัน โดยมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 2MW ในมันดาเลย์ และดีเซล 1MW ในย่างกุ้ง และยังเห็นโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ - หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอีกด้วย