ก.ล.ต.นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง“ซังโกะฯ"พร้อมขาย IPO-เข้าตลาด mai ไตรมาส 2

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 28, 2013 11:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บล.โนมูระ พัฒนสิน (CNS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บมจ.ซัลโกะ ไดคาซติ้ง(SANCO)เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย และคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาส 2 นี้

ปัจจุบัน บมจ. ซังโกะ ไดคาซติ้งฯ มีทุนจดทะเบียน 113 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 88 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 176 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาทและภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปบริษัทฯจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 110 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ซังโกะ ไดคาซติ้งฯ มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 52-55 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ ตามลำดับดังนี้ 185.45 ล้านบาท 291.26 ล้านบาท 349.80 ล้านบาท และ 474.48 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจบริษัทฯ

ด้านนายรัฐวัฒน์ ศุขสายชล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซังโกะ ไดคาซติ้งฯ และอื่นๆ เปิดเผยว่า ในช่วงปีนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า กำลังการผลิตรถยนต์ในปี 56 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ประเมินตัวเลขที่ระดับ 2.5-2.6 ล้านคัน บริษัทฯ จึงมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และ ยังมีการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับและตอบสนองต่อมาตรฐานการผลิตของลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

ซังโกะ ไดคาซติ้งฯ ถือเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียมและสังกะสีฉีดขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ ฉีดหล่อความดันสูง ซึ่งมีจุดเด่น คือ Know-How ทางด้านการออกแบบแม่พิมพ์และกระบวนการผลิต ที่ทำให้เราลดปริมาณความสูญเสียจากการผลิต รวมถึงควบคุมต้นทุนการผลิต และส่งผลให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรได้ อีกทั้งบริษัทฯ มีความยืดหยุ่นในการผลิต สามารถผลิตชิ้นงานให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยง และเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายสู่ตลาดอื่นได้ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีโครงการขยายพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงมีแผนในการลดต้นทุน และปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทฯจะนำไปใช้ในการลงทุนขยายพื้นที่โรงงานและเพิ่มเครื่องจักรเพื่อลดค่าใช้จ่ายและขยายกำลังการผลิต เนื่องจากปี 55 บริษัทฯ ได้ทำการซื้อที่ดินพร้อมอาคารโรงงานขนาดพื้นที่ 3 ไร่ภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับโรงงานของบริษัทฯ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนเงินที่เหลือ บริษัทฯ จะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ" นายรัฐวัฒน์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ