ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 52.38 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 14,578.54 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6.34 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 1,569.19 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.00 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 3,267.52 จุด
นักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า ธนาคารในไซปรัสเปิดทำการอีกครั้งเป็นวันแรกในวันนี้ หลังจากที่ปิดทำการไปตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามประกาศของกระทรวงคลังไซปรัส อย่างไรก็ตาม การทำธุรกรรมของธนาคารในไซปรัสวันนี้จะยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัด ซึ่งการควบคุมครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนแห่ถอดถอนเงินฝาก หลังจากที่ได้มีการทำข้อตกลงเพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเงินฝากของธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งของไซปรัส
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2556 ครั้งสุดท้ายในวันนี้ โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาส 4 ขยายตัว 0.4% สูงกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ 0.1%
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 52.4 ในเดือนมี.ค. จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 56.8 ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคาะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 56.5 เนื่องจากยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ปรับตัวลดลง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มี.ค.เพิ่มขึ้น 16,000 ราย แตะระดับ 357,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 340,000 ราย
หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ดพุ่งขึ้น 1.1% หุ้นไอบีเอ็มดีดตัวขึ้น 1.1% หุ้นอีเบย์ทะยานขึ้น 4.1%
หุ้นแบล็คเบอร์รี่ ปิดลบ 0.8% หลังจากที่ทะยานขึ้นกว่า 4% ในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิรายไตรมาสมูลค่า 98 ล้านดอลลาร์ ตรงข้ามกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ขาดทุ 125 ล้านดอลลาร์