(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าอยู่ในทิศทางแกว่งตัว แต่ยังมีลุ้นรีบาวน์ตามตลาดภูมิภาค

อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ การจะปิดงบบัญชีมองว่าน่าจะช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง พร้อมมองดัชนีฯไม่ควรต่ำกว่าแนวรับที่ 1,542 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,562 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(28 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,578.54 จุด เพิ่มขึ้น 52.38 จุด(+0.36%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,569.19 จุด เพิ่มขึ้น 6.34 จุด(+0.41%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,267.52 จุด เพิ่มขึ้น 11 จุด(+0.34%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 69.57 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 37.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.60 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.96 จุด

ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดทำการวันนี้

• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(28 มี.ค.)ที่ 1,544.57 จุด ลดลง 16.30 จุด(-1.04%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 687.01 ล้านบาท เมื่อ 28 มี.ค.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 97.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.65 ดอลลลาร์
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(28 มี.ค.)ที่ 6.9 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.32/34 มองกรอบวันนี้ 29.25-29.35
• นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม วงเงิน2 ล้านล้านบาท โดยยอมรับว่าการกู้เงินดังกล่าวหากใช้ให้หมดภายใน 50 ปี จะมีดอกเบี้ย 3 ล้านล้านบาท เมื่อรวมกับเงินต้นทำให้มีภาระหนี้ทั้งหมด 5 ล้านล้านบาท
• สมาชิกรัฐสภา 77 คน ประกอบด้วยสว. 42 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่ม 40 สว. และ สส.พรรคประชาธิปัตย์ 35 คน ได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานรัฐสภาเพื่อให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พ.ร.บ.ร่วมทุน)ว่ามีข้อความขัดแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่
• "พาณิชย์"เผยส่งออกเดือน ก.พ.มูลค่า 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์ ติดลบ 5.38% ชี้หลายปัจจัยเสี่ยงรุม ระบุกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรร่วง เศรษฐกิจคู่ค้าหลักชะลอตัว ส.อ.ท.คาดส่งออกเดือน มี.ค.ติดลบต่อเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า ห่วงบาทแข็งส่งผลส่งออกไตรมาส 2 แนะบอร์ดกนง.ออกมาตรการป้องกันเงินเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น
• ธปท.ชี้ตลาดเงินเข้าสู่ภาวะสมดุล หลังเงินบาทเริ่มอ่อนตามกลไกตลาด เผยยังมีแนวโน้มที่เงินทุนจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง แต่มีมาตรการหลากรูปแบบใช้ได้ตามความเหมาะสม ยัน ไม่ต้องการใช้มาตรการรุนแรงที่จะสร้างผลข้างเคียงได้ เหตุไทยยังต้องการเม็ดเงินลงทุนต่างชาติอยู่ ด้านผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวรับความผันผวนค่าเงินได้มากขึ้น ขณะที่หุ้นไทยวานนี้ดิ่ง 16 จุดหลังขึ้นต่อเนื่อง 3 วัน โบรกฯชี้ตลาดมีโอกาสปรับฐานลงอีก หลังรอบที่แล้วเด้งเร็วและแรงเกิน
• นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธปท.ได้ปรับหลักเกณฑ์การตั้งสาขาธนาคารพาณิชย์ให้สามารถเลือกเปิดให้บริการอย่างหนึ่งอย่างใดก็ให้สามารถตั้งสาขาได้จากเดิมที่กำหนดว่าสาขาของธนาคารพาณิชย์จะต้องให้บริการ ทั้งการรับฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน และเปิด-ปิดบัญชีเงินฝากให้ครบทั้ง 4 ประเภท

*หุ้นเด่นวันนี้

• TTCL(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"นอกจากผลการดำเนินงานปี 56 ที่ Consensus ประเมินกำไรสุทธิที่ราว 751 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% YoY แล้ว ล่าสุดยังมีปัจจัยหนุนคือบริษัทได้ลงนามใน MOU กับพม่าพัฒนาโรงไฟฟ้าขนาด 1,000MW ต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(110MW)ซึ่งเฟสแรกกำลังการผลิต 50-60MW จะสามารถดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน เม.ย.56
• SCP(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เริ่มกลับมาเน้นหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดดเด่นมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ซึ่งจะได้ประโยชน์โครงการ กฟภ.และโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบท(TDMA) มีจุดเด่นคือ ROE 37%,อัตรากำไรขั้นต้น 21% และ D/E ต่ำ 0.8 เท่า โดยมีแนวรับ และจุด Cut Loss ที่ 64.50 บาท และแนวต้านที่ 70.00 บาท
• PTTGC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 89 บาท ราคามีปัจจัยบวกระยะสั้นจาก 1Q56 ที่คาดว่าจะขยายตัวทั้ง yoy และ qoq เป็น 10,000 ล้านบาท ตามทิศทางสเปรดปิโตรเคมีที่เร่งตัวขึ้นใน 1Q56 รวมทั้งส่วนต่างราคา PX +5.3% qoq ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นได้ประโยชน์จาก Supply ตึงตัว ส่งผลค่าการกลั่น 1Q56 เพิ่ม+32.6% qoq เป็น 8.7 เหรียญ/barrel ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2556 ที่ +8.4% yoy เป็น 53,359 ล้านบาท และราคาหุ้นมี Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ
• KBANK(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 240 บาท คาดกำไร 1Q13 +24% Q-Q, +6% Y-Y น้อยกว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อยเพราะจะมีการตั้งสำรองหนี้สูญพิเศษเพิ่มเป็น 3.5 พันล้านบาท จากปกติ 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับส่วน Countercyclical Provision แต่ในส่วนของกำไรก่อนสำรองน่าจะดีกว่าคาด
• TMT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 14.50 บาท แนวโน้ม 1Q13 ยังคงโดดเด่นมาก คาดกำไรสุทธิ +32% Q-Q, +78% Y-Y เป็น 177 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะสูงกว่าระดับปกติเพราะราคาขายปรับสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนจากผลของมาตรการ AD และ Safeguard ขณะที่บริษัทมีสต็อกเก่าในราคาต่ำกว่าตลาด สำหรับกำไรปกติทั้งปี 2013 ยังคาดโต 58% หุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE เพียง 10.7 เท่า คิดเป็น PEG ที่ต่ำมากเพียง 0.2 เท่า
• THCOM(ฟินันเซีย ไซรัส)ผู้บริหารยืนยันว่าจะเซ็นสัญญาขายช่องสัญญาณ iPSTAR ในจีนกับ Vast ได้ภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่เคยตั้งเป้าไว้ และหากเป็นจริงจะเริ่มรับรู้รายได้จากจีนตั้งแต่ต้น 3Q13 แบบ Minimum Gurantee เท่ากันทุกปีจนถึงปี 2021 คาดว่าจะทำให้ตลาดจีนคุ้มทุนและทำกำไรได้ แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาสะท้อนข่าวดังกล่าวไปมากแล้ว แนะนำเพียงถือ