“โครงการนี้เราเรียกว่า RDF โดย BWG สามารถรับประโยชน์ได้ถึง 2 ชั้น คือ รับค่ากำจัดกากอุตสาหกรรมจากโรงงานเจ้าของกากอุตสาหกรรม และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายเชื้อเพลิงแข็งให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการเชื้อเพลิงทดแทนด้วย เนื่องจากเชื้อเพลิงที่เราผลิตได้มีราคาประมาณ 1,000 — 1,500 บาท/ตัน เท่านั้น ต่ำกว่า เชื้อเพลิงเช่น ถ่านหิน ที่โรงงานอุตสาหกรรมใช้ในปัจจุบัน 1-2 เท่าตัว ในขณะที่ค่าความร้อนที่ได้รับไม่ต่างกันมาก ซึ่งจากการสำรวจตลาดพบว่าเชื้อเพลิงแข็งของบริษัทฯได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานที่มีเตาเผาที่ต้องใช้เชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก" นายสุวัฒน์ กล่าว
โครงการ RDF จะแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกมีกำลังการผลิตประมาณ 250 ตัน/วัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2556 และรับรู้รายได้ในไตรมาสเดียวกัน ส่วนโครงการในเฟส 2 จะเริ่มได้ในช่วงปลายปี 2556 ซึ่งคาดว่า จะมีกำลังการผลิตทั้ง 2 เฟสรวมกันประมาณ 1,000 ตัน/วัน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนอกเหนือจากการเติบโตของธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบฝังกลบที่คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดย บริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้จากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 จากรายได้ 1,060 ล้านบาท ในปี 2555
“หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกฟ้อง ในคดีที่มีกลุ่มบุคคลฟ้องให้ปิดกิจการและยึดใบอนุญาตของบริษัทฯ ซึ่งถือว่าคดีนี้ถึงที่สุด ทำให้ความเสี่ยงทางธุรกิจที่นักลงทุนเคยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ หมดไปทันที และเชื่อว่าหลังจากนี้นักลงทุนจะเชื่อมั่นและมั่นใจกับการลงทุนในบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีนมากยิ่งขึ้น และหลังจากนี้เราจะมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องให้เติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้ใช้เวลาไปกับการพิสูจน์ความจริงเพื่อให้ทุกอย่างกระจ่างชัด จนทำให้ต้องชะลอการขยายธุรกิจในบางธุรกิจออกไป แต่ขณะนี้เราพร้อมแล้วที่จะขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มกำลังอีกครั้ง" นายสุวัฒน์กล่าว