ในไตรมาส 1/56 ลูกค้าที่เป็นสมาชิก CIMB Preferred เพิ่มขึ้นแล้วราว 3,000 ราย มาจากการเน้นขยายฐานลูกค้าและการเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น หลังจากธนาคารได้ทำโปรโมชั่นการเปิดบัญชีภายใต้บริการ CIMB Preferred ขั้นต่ำเป็น 1 ล้านบาท จากปกติที่เงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชีอยู่ที่ 3 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีการมอบบริการต่างๆที่ทำให้เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น อย่างเช่น บริการที่ปรึกษาทางการเงิน บริการถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารได้ในเครือข่ายภูมิภาคอาเซียนกว่า 100 แห่ง และบริการห้องรับรองพิเศษของสนามบินในประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และกัมพูชา เป็นต้น
ธนาคารคาดว่าในปี 56 จะวงเงินในบัญชี CIMB Preferred อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่อยู่ในระดับ อยู่ที่ 5.45 หมื่นล้านบาท โดยสิ้น ก.พ.56 เพิ่มขึ้นมาที่ 6.2 หมื่นล้านบาทแล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตจากกองทุนรวมและเงินฝาก และเป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวขึ้น 6-7% ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าการออกโปรโมชั่นเปิดบัญชีขั้นต่ำลดวงเงินเหลือ 1 ล้านบาทจะไม่กระทบยอดเงินดังกล่าว
"การที่ธนาคารออกโปรโมชั่นเปิดบัญชีขั้นต่ำลดลงเป็น 1 ล้านบาท จากปกติ 3 ล้านบาท เชื่อไม่กระทบกับยอด AUM ของธนาคารที่ได้ตั้งไว้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของธนาคารมีความน่าสนใจ ทำให้มีการดึงดูดลูกค้าเข้ามาทั้งเงินฝากและกองทุน ซึ่งปกติลูกค้าเดิมเปิดบัญชีขั้นต่ำ 3 ล้านบาท และมีลูกค้าบางรายมีเงินในบัญชีน้อยกว่า 1 ล้านบาท หรือมากกว่า 4-5 ล้านบาทก็มี แต่เชื่อว่าการออกโปรโมชั่นนี้มาจะดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้ค่าเฉลี่ยลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเปิดบัญชีอยู่ที่ 3 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันลูกค้า CIMB Preferred ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการประมาณ 70-80% ที่เหลือจะเป็นผู้บริหารระดับสูง มนุษย์เงินเดือน และสัดส่วนของ CIMB Preferred คิดเป็น 60% ของลูกค้ารายย่อย"นายอดิศร กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าในปี 56 จะมีลูกค้า CIMB Preferred ในสัดส่วน 10% จาก 20,000 ราย เข้าไปเปิดบัญชีในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการกระจายความเสี่ยงอย่างหนึ่ง แต่ต้องขึ้นอยู่กับแนวโน้มของสภาพตลาดที่แตกต่างกัน ถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่อย่างนี้ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องไปเปิดบัญชีเงินฝากในต่างประเทศ ส่วนลูกค้าจากต่างชาติที่เข้ามาเปิดบัญชี CIMB Preferred ในปีนี้คาดว่าอยู่ราวๆ 1,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาอาศัยหรือทำงานอยู่ที่ประเทศไทย
"ส่วนเรื่องการประชุม กนง.ในวันที่ 3 เม.ย. 56 เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ยังไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากต้องมีการติดตามสถานการณ์ต่างๆที่มีเงื่อนไขนำมาพิจารณา ขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจยังทรงตัวอยู่ การส่งออกยังไม่โตมาก เรื่องที่คนส่วนใหญ่คาดหวังและสนใจกันมากเป็นเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงๆได้ จะทำให้เศรษฐกิจโตได้ดีถึงดีมาก ซึ่งถ้ามองตามหลักการแล้วนโยบายการเงินยังไม่มีความจำเป็นต้องมีการผ่อนคลายมากนัก"นายอดิศร กล่าว