ด้วย Momentum ของผลประกอบการ 1Q56 ที่เติบโตสูง จึงยังคงประมาณการกำไรปี 2556 ที่ 36,076 ล้านบาท เติบโต +53.3% yoy และคาดการณ์กำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 27.5% ซึ่งจะช่วยเร่ง ROE ให้เพิ่มขึ้นจาก 15.2% ในปี 55 เป็น 19.6% ในปี 2558
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น KTB คาดกำไรสุทธิ 1Q13 ที่ 9,133 ล้านบาท พุ่งแรงเกือบ 9 เท่า Q-Q (ไตรมาสก่อนตั้งสำรองสูงกว่าปกติ) และ +43% Y-Y (คาดรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม 23% Y-Y และเงินปันผลจากวายุภักษ์เพิ่ม 282% Y-Y) ขณะที่สินเชื่อใน 1Q13 โตแกร่งสุดในธนาคารขนาดใหญ่ที่ 3-4% YTD จึงยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้โต 14% กำไรสุทธิโต 46% และคงราคาเป้าหมาย 30.50 บาท
ส่วน บล.กรุงศรี ปรับคำแนะนำการลงทุน KTB เป็น“ซื้อ"จาก“เก็งกำไร"จากมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่ออัตราการเติบโตของกำไรปี 56-57 นอกจากนี้งบดุลแข็งแกร่งจากคุณภาพสินเชื่อปรับตัวดีขึ้น และสำรองหนี้ฯ สูงทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการตั้งสำรองหนี้ฯ จะช่วยลดความผันผวนของกำไรในอนาคต นอกจากนี้ KTB จะได้ประโยชน์เป็นลำดับต้นจากวัฏจักรการลงทุนของเอกชน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่องของผลการดำเนินงาน
โดยปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานจาก 25 บาท เป็น 29.50 บาท จากการปรับ Prospective P/BV เป็น 2 เท่า (จากเดิม 1.7 เท่า) จากการปรับสมมติฐาน ROE เพิ่มขึ้นเป็น 18% จาก 16% สะท้อนอัตราการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น และงบดุลแข็งแกร่ง
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิงวด 1Q56 ทำสถิติสูงสุดที่ 9.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 44%YoY จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อ และ NIM ปรับสูงขึ้นเป็น 2.95% จาก 2.86% ใน 1Q55, รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น, รายได้เงินปันผลเพิ่มขึ้น และอัตราภาษีลดลง
วานนี้(1 เม.ย.)หุ้น KTB ปิดที่ 24.90 บาท ลดลง 0.10 บาท(-0.40%)