บริษัทขยายฐานช่องทางออกอากาศให้ครอบคลุมเคเบิลทีวีทั่วประเทศ นอกเหนือจากทีวีดาวเทียมที่ปัจจุบันออกอากาศทางช่องหมายเลข 0 ทางกล่อง GMM Z , ช่อง 127 ทางจานดาวเทียม PSI , ช่อง 33 ทางจานดาวเทียม PSI OK , ช่อง 30 ทางจานดาวเทียม DTV
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 500 ล้านบาท และมีฐานลูกค้ามากกว่า 1 แสนราย หลังจากช่องทีวี"โอ ช้อปปิ้ง"แพร่ภาพในช่วง 6 เดือนแรก (ตั้งแต่ มิ.ย.-ธ.ค. 55) บริษัทมีรายได้ 100 ล้านบาท และมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 5 หมื่นราย จากภาพรวมตลาดโฮมช้อปปิ้งที่คาดว่าจะมีการเติบโตเป็น 10,000 ล้านบาท จากปี 55 อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท หลังจากบริษัทรายใหญ่ เช่น ซูมิโตโม เซ็นทรัล และสหพัฒน์ฯ เข้ามารุกธุรกิจโฮมช้อปปิ้งมากขึ้น
"รายได้ในปีนี้เรามีการปรับลดจากเป้ารายได้เดิมที่ตั้งไว้ 600 ล้านบาท เนื่องจากเราอยากค่อยๆโตไปทีละ step ทั้งที่ตลาดในประเทศไทยมีศักยภาพและเติบโตได้ดี แต่เราต้องการให้บริษัทมีความราบรื่นในการดำเนินงานระยะยาวและบริษัทมีความมั่นคง"นายซอง นัก เจ กล่าว
ปัจจัยสนับสนุนรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมายมาจากจุดเด่นทางด้านการบริการที่แตกต่างจากทีวีช้อปปิ้งรายอื่น เช่น ส่งฟรีทั่วไทย ซึ่ง"โอ ช้อปปิ้ง"เริ่มทำเป็นรายแรก และการรับของก่อนจ่ายที่สามารถตอบโจทย์ความพึงพอใจในสินค้าและสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า
แม้ว่ารายได้ที่ทำได้ 100 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกจะพลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม 140 ล้านบาท เนื่องจากกระแสตอบรับช่วง 6 เดือนแรกมาจากการประมาณการยอดขายที่ผิดพลาด บริษัทคิดว่าสินค้าขายดีจะอยู่ในโหมดเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องสำอางค์ แต่ปรากฎว่ากลับเป็นสินค้าเครื่องครัว ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการนำเสนอสินค้าประเภทอื่นใหม่ โดยมีการเล่าเรื่องและให้ความบันเทิงในตัวสินค้ามีมากขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจ
ประกอบกับมีการสร้างความแตกต่างในการทำตลาดโดยใช้ศิลปินและดาราช่วยในการนำเสนอสินค้า โดยบริษัทใช้กลยุทธ์ Star Marketing โดยมี"เจี๊ยบ โสภิตนภา"เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถือเป็นโฮมช้อปปิ้งรายแรกของไทย
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/56 บริษัทมียอดขายเกิน 100 ล้านบาทเล็กน้อยหลังจากการปรับกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าของบริษัทที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยสินค้าที่มียอดขายดี ได้แก่ เครื่องครัว เครื่องสำอางค์และครีมบำรุงผิว และอาหารเสริม ซึ่งบริษัทจะมีการเพิ่มแบรนด์สินค้าที่นำมาจำหน่ายอีก 50 แบรนด์ เพื่อให้มีแบรนด์ทั้งสิ้น 100 แบรนด์ในปีนี้ และเน้นสินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้า OTOP หลังจากสัดส่วนสินค้าในช่วงเริ่มธุรกิจเป็นสินค้ามาจากเกาหลีใต้ 70% และสินค้าในไทย 30%
ส่วนงบการตลาดของโอ ช้อปปิ้ง ใช้จำนวนไม่มาก เนื่องจากเป็นสื่อทีวีดาวเทียม บริษัทมีการบริหารงบการตลาดที่มีอยู่จำกัดให้มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการทำความเข้าใจกับผู้บริโภคเกี่ยวกับโฮมช้อปปิ้ง และทำกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับดาราและศิลปินเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้งกลางปี 56 บริษัทจะมีการจัดงานฉลองครบรอบ 1 ปี ซึ่งจะมีการแจกรางวัลใหญ่เป็นรถยนต์ให้กับลูกค้า