นายประพันธ์ เอิ่ยมรุ่งโรจน์ รองประธานผู้ช่วยบริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ BIGC กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 9-10% จากปี 55 ที่มีรายได้ 1.12 แสนล้านบาท จากการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนในการขยายสาขาและสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ 7-8 พันล้านบาท
ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายสาขาในรูปแบบ hyper market เพิ่มอีก 6 สาขา และ บิ๊กซี market เพิ่มอีก 13 สาขา มินิบิ๊กซี อีก 150 สาขา ร้านขายยา Pure อีก 50 สาขา
รวมไปถึงการสร้างศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก โดยใช้เงินลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน เม.ย.57 จากปัจจุบันบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้า 4 แห่ง ที่ อ.วังน้อย และ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา, อ.บางใหญ่ และ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากบริษ้ทเคยได้รับผลกระทบในช่วงน้ำท่วมปลายปี 54
นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยได้ปรับปรุงศูนย์การค้าให้ทันสมัย และมีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหัวเมืองที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท ส่งผลให้มีแนวโน้มจังหวัดที่เป็นหัวเมืองต่างๆจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 57 คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาใน จ.นครพนม และอยู่ระหว่างการศึกษาการเปิดสาขาที่ จ.หนองคาย
ส่วนความร่วมมือกับ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP)ในการเปิดสาขามินิบิ๊กซีในสถานีบริการน้ำมันของ BCP นั้น เป็นการก้าวไปสู่เป้าหมายการเปิดสาขาขนาดเล็กของบิ๊กซี 950 สาขาภายในปี 59 ทำให้มั่นใจว่าหากรวมศักยภาพของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน จะสร้างความคุ้มค่าและความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคสูงสุด
“เราตั้งเป้าว่าจะให้บริการลูกค้า 800-1000 สาขา และมั่นใจว่าร้านค้ามินิบิ๊กซีในสถานีบริการน้ำมันบางจากฯจะเติบโตในสัดส่วนเดียวกับการเติบโตของตลาด ซึ่งเรามองเห็นโอกาสของผู้บริโภคในการปรับเปลี่นพฤติกรรมในการซื้อสินค้าใน Modern trade มากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เราต่างจาก 7eleven เนื่องเรามีของสดจำหน่าย แต่ 7eleven ไม่มีของสด ฉะนั้นจึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้"นายประพันธ์ กล่าว