ปัจจุบัน บริษัทยังมีขาดทุนสะสมกว่า 6 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมหมดในปี 58 โดยมีหลายแนวทาง เช่น การลดทุนหรือนำกำไรไปล้างขาดทุนสะสม
ขณะที่รายได้ในปี 56 คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 1 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้จาการขายที่ดินบางกะเจ้า 30 ไร่ ซึ่งจะบันทึกในไตรมาส 4/56 ราว 500 ล้านบาท และรายได้จากค่าเช่า เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์กว่า 100 ล้านบาท
สำหรับที่ดินบางกะเจ้าที่มีอยู่ 200-300 ไร่ ขณะนี้ขายไปแล้ว 30 ไร่ ส่วนที่เหลือบริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการบ้านหรู มุลค่า 3-4 พันล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 70-100 ล้านบาท/ยูนิต คาดรับรู้รายได้ในปี 57 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเจรจาแบ่งขายที่ดินในบริเวณดังกล่าวให้นักลงทุนต่างประเทศอีก 1 รายเพื่อนำไปสร้างโครงการในลักษณะชีวาศรม
ในส่วนของที่ดินร้อยชักสาม ปัจจุบันกรมธนารักษ์อยู่ระหว่างเจรจาให้หน่วยงานราชการที่ใช้พื้นที่อยู่ย้ายออกไป และบริษัทยังมองหาซื้อที่ดินแถวอ่อนนุช คาดว่าจะสรุปปลายปีนี้ ส่วนที่ดินที่มีอยู่แล้วในย่านรามอินทรา คาดจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม โดยจะเริ่มใน 2-3 เดือนข้างหน้า
ส่วนการเข้าซื้อกิจการโรงแรมเซ็นทาราแอนด์คอนเวนชั่นเซนเตอร์ขอนแก่นกว่า 800 ล้านบาท โดยถือหุ้น 100% คาดว่าจะมีรายได้ 200-300 ล้านบาท/ปี มองว่าจะได้รับประโยชน์จากการการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AEC) และเป็นแนวนโยบายของบริษัทที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ที่รับรู้รายได้ได้ทันที และสร้างรายได้ระยะยาว นอกจากนี้จะเน้นการซื้อสินทรัพย์ในภาคอีสาน และยังมองโอกาสเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ จ. นครราชสีมา เนื่องจากอยู่ในเส้นทางสร้างรถไฟความเร็วสูงด้วย
ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้ชำระหนี้ และใช้ในการซื้อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ทันที
พร้อมยืนยันว่า กลุ่มมาลีนนท์จะถือหุ้นบริษัทในระยะยาว โดยหลังเพิ่มทุนแล้วมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 24%