PTTGC-IRPC จับมือศึกษาแผน Synergy ลดความซ้ำซ้อนเบื้องต้นใน 4 โครงการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 5, 2013 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC)เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามบันทึกช่วยจำ(เอ็มโอยู)กับ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)เพื่อศึกษาร่วมกันในการทำธุรกิจนับเป็นการสร้าง Synergy ร่วมกัน ทำให้ไม่ลงทุนซ้ำซ้อนและแข่งขันกันเอง โดยเบื้องต้นมีการศึกษาความเป็นไปได้ใน 4 โครงการ อาทิ โครงการผลิตโพลิออล พีพี คอมปาวด์ ฯลฯ โดยพิจารณาว่าจะร่วมมือกันอย่างไร และที่มาของวัตถุดิบ รวมทั้งอาจพิจารณาหาพันธมิตรร่วมทุนใหม่ ถ้าเป็นโครงการที่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาในปีนี้

ทั้งนี้ IRPC มีโครงการลงทุนภายใต้ฟินิกซ์ ทำให้มีวัตถุดิบหลายชนิดทั้งโพรพิลีน พาราไซลีน เบนซีน ที่สามารถนำมาต่อยอดไปสู่กลุ่มยางสังเคราะห์ หรือไนล่อน ขณะที่บริษัทฯก็มีวัตถุดิบหลากหลายทั้งมิกซ์ซี 4 บิวทาไดอีน ซึ่งนำไปใช้ทำยางสังเคราะห์ได้เช่นกัน ดังนั้น หากมีการนำวัตถุดิบของทั้ง 2 บริษัทมารวมกัน หรือแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์กันเพื่อลงทุนต่อยอดธุรกิจ จะทำให้โครงการเหล่านี้มีศักยภาพเข้มแข็งมากขึ้น

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯสนใจต้องการไปสู่กลุ่มยางสังเคราะห์ ไนล่อน เพื่อสนองความต้องการใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมดาวรุ่งของไทยทั้งกลุ่มยานยนต์ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง

ล่าสุด กลุ่มอูเบะ ประเทศญี่ปุ่น มีโครงการที่จะขยายกำลังการผลิตคาโปรแลคตัมแห่งที่ 2 กำลังผลิต 1.5 แสนตันต่อปี ใช้เงินลงทุน 600-700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยให้ปตท.พิจารณาว่าจะให้ IRPC หรือ PTTGC เป็นผู้ร่วมทุนในโครงการนี้ เนื่องจากต้องอาศัยวัตถุดิบไปผลิตเป็นคาโปรแลคตัม และต่อเนื่องไปถึงผลิตภัณฑ์ไนล่อน ซึ่งอูเบะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอยู่ ซึ่งโรงงานผลิตคาโปรแลคตัมแห่งแรกของกลุ่มอูเบะนั้น ทางพีทีที โกลบอลฯ เป็นผู้ป้อนวัตถุดิบให้ โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ของเขตประกอบอุตสาหกรรมเชิงเนิน จ.ระยอง ของไออาร์พีซี

นายอนนต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไออาร์พีซีกับ PTTGC ก็มีการทำSynergy ร่วมกันบ้างแล้ว อาทิ โครงการส่งน้ำมันดีเซลกำมะถันสูงของไออาร์พีซีมายังโรงกลั่นของบริษัทฯเพื่อกลั่นให้ได้ดีเซล มาตรฐานยูโ4 โดยมีการวางท่อส่งน้ำมันยาว 20 กม. และก่อนหน้านี้ ไออาร์พีซี (ทีพีไอเดิม) ก็เคยรับเอทิลีนจากบริษัทฯมาผลิตปิโตรเคมีด้วย

"การทำ Synergy ร่วมกันนี้ถือเป็นก้าวแรกที่จะเริ่มไปสู่แนวคิดที่จะให้ทั้ง 2 บริษัทฯควบรวมกิจการกันในอนาคต"นายอนนต์ กล่าว

นายอนนต์ กล่าวต่อไปว่า PTTGC เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.ปตท.เคมิคอล กับบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น ทำให้ขนาดธุรกิจใหญ่ขึ้น และมีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมทั้งได้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่หลากหลาย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งใน 3-5 ปีข้างหน้าบริษัทไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากนัก แต่จะสร้างรายได้เพิ่มจากการควบรวมกิจการครั้งนี้ 4-5 พันล้านบาท โดยมีผลตอบแทนต่อการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 14-15%ใน 10 ปีข้างหน้า รวมทั้งการขยายการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ทั้งที่ฝรั่งเศสและสหรัฐฯ เป็นต้น ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ