ประกอบกับ นโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ทำให้มีความต้องการใช้เหล็กมากขึ้น รวมถึงโครงการบริการจัดการระบบน้ำที่ยังไม่มีการเริ่มโครงการ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะได้เห็นการเริ่มก่อสร้างโครงการป้องกันน้ำท่วมเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศด้วย
พร้อมกันนั้น บริษัทยังคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงขึ้นมาที่ 5% จากปี 55 ที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 2.33% เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งในปีที่แล้วราคาเหล็กในตลาดโลกตกต่ำลงพอสมควร
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/56 พบว่ารายได้เติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาเหล็กเฉลี่ยในช่วงต้นปีเพิ่มสูงขึ้น 7-8% จากไตรมาส 4/55
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า จากแผนการขยายกำลังการผลิตในปี 56 บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรผลิตเหล็กท่อไว้ตั้งแต่ปลายปี 55 ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานเดิม คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเหล็กท่อในกำลังผลิตส่วนขยายได้ในช่วงไตรมาส 3/56 ถึงไตรมาส 4/56 ซึ่งจะทำให้กำลังผลิตเหล็กท่อเพิ่มขึ้นอีก 20,000 ตัน/ปี เป็น 40,000 ตัน/ปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเหล็กท่อ 70-80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จึงมีความจำเป็นต้องมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
ส่วนเหล็กแผ่นรีดเย็นปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 200,000 ตัน/ปี
บริษัทยังมีแผนการขยายโรงงานแห่งใหม่เพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 57 จะก่อสร้างโครงสร้างโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่เดิม ขนาดพื้นที่โรงงานใหม่ประมาณ 4,000-5,000 ตร.ม. คาดว่าเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/57 โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 50 ล้านบาทมาจากกระแสเงินสดของบริษัท ส่วนเครื่องจักรที่จะนำมาติดตั้งนั้นอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
“บริษัทมองโอกาสในการเปิดตลาดส่งออกเหล็กไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เพื่อรองรับการเปิดAEC ซึ่งสินค้าเราเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ต้องดูความต้องการของประเทศเพื่อบ้าน ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านเราอุตสาหกรรมเค้ายังไม่เติบโตมาก แต่ไปเติบโตด้านการก่อสร้างไปก่อน แต่ทั้งนี้ต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าไป โดยตอนนี้ยังมองว่าต้องดูการเติบโตของเพื่อนบ้านว่าจะเติบโตไปในทางไหน แต่เราพร้อมส่งออกไปตลอดเวลา เนื่องจากเรามีการศึกษาตลาดและไปเจาะดูตลาดแล้ว ถ้าจังหวะเวลามาได้เราก็ทำเลย"นายวีรศักดิ์ กล่าว