สำหรับสินเชื่อของกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 1/56 คาดว่าจะเติบโต 3%QoQ และทั้งปี 56 ขยายตัว 13%YoY หนุนโดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และ SME ส่วนสินเชื่อ Corporate ยังมีโมเมนตัมการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากปลายปีก่อน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งเมื่อโครงการลงทุนขนาดใหญ่เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งส่วนนี้หนุนการเติบโตของสินเชื่อ KTB ด้าน TISCO และ SCB ยังมีแรงหนุนจากการขยายตัวที่ดีของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
ส่วนกรณีที่ธปท.มีแนวคิดจะให้ธนาคารตั้งสำรองที่เป็น General มากขึ้น ก็เชื่อว่า BBL จะได้รับผลกระทบน้อยมากเพราะตั้งสำรองฯส่วนนี้ไว้เป็นสัดส่วนที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์รายอื่นอย่างมาก
พร้อมปรับเพิ่มราคาพื้นฐานของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไปอิงกับ Valuation ปี 57 ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้ชัดเจนกว่า เพราะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 2 ล้านล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว รวมทั้งสะท้อนศักยภาพในการทำกำไรและเติบโตของแต่ละธนาคารได้ดีขึ้น จึงเห็นว่า KTB และ BBL น่าสนใจมาก เพราะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน และมีฐานเงินกองทุนแข็งแรงมากพอที่จะรองรับการเติบโตในระยะยาว จึงให้เป็นหุ้น Top Picks ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ ยังได้แนะ"ซื้อ"หุ้น ธนาคารกรุงไทย(KTB)คาดจะมีกำไรสุทธิขยายตัวโดดเด่น 39%YoY และ 940%QoQ เพราะสินเชื่อเติบโตดี และฐานกำไรไตรมาส 4/55 ต่ำ เนื่องจากตั้งสำรองค่าเผื่อฯ สูงมาก ฐานะเงินกองทุนแข็งแรง สามารถรองรับการเติบโตในระยะยาวได้ ประเมินว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ โดย KTB มีฐานสินเชื่อขนาดใหญ่ทั้งภาคธุรกิจและในส่วนของภาครัฐ (คิดเป็น 50% ของสินชื่อรวม)ประมาณการว่าสินเชื่อธนาคารจะขยายตัว 13% ในปีนี้ และ 16% ในปี 57 จึงคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียม KTB จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในระยะกลางถึงยาว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียมของ KTB ค่อนข้างที่จะห่างจากธนาคารในประเทศรายอื่น แต่ภายหลังจากการปรับโครงสร้างภายในแล้ว เชื่อว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตได้มากขึ้น และจะช่วยหนุน ROE ให้เพิ่มขึ้น ให้ KTB เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ราคาพื้นฐานปี 57 เท่ากับ 37 บาท
ล่าสุดเมื่อ 5 เม.ย.56 หุ้น KTB ปิดที่ 24.60 บาท ลดลง 0.65 บาท(-2.57%)