หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 19.43 จุด หรือ 0.13% ที่ระดับ 14,632.91 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ 0.17% แตะ 1,565.66 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 7.34 จุด หรือ 0.23% ที่ระดับ 3,229.59 จุด
อัลโค อิงค์ เปิดเผยภายหลังตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายเมื่อคืนนี้ว่า กำไรของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ยอดขายต่ำกว่าคาด
แถลงการณ์ระบุว่า กำไรของอัลโคอยู่ที่ 149 ล้านดอลลาร์ หรือ 13 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งทะยานขึ้นจากระดับ 94 ล้านดอลลาร์ หรือ 9 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยอดขายของบริษัทลดลงสู่ระดับ 5.83 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.01 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ในตลาด
อัลโคเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า การชะลอตัวของรายได้เป็นผลมาจากราคาอลูมิเนียมที่ลดลง และการตัดสินใจลดขนาดการผลิตในยุโรป
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว อัลโคจะเป็นบริษัทแรกในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส
หุ้นอัลโคลดลง 0.18% แตะ 8.38 ดอลลาร์
เจพี มอร์แกน และเวลส์ ฟาร์โก มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2556 ในวันศุกร์นี้
นอกจากรายงานงบการเงินของบริษัทต่างๆที่เป็นที่จับตาของตลาดแล้วนั้น นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 19-20 มี.ค.
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ภาคธนาคารของสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นมากนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงิน ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนก.พ. โดยในเดือนม.ค.นั้น สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่ยอดค้าส่งลดลง 0.8%