ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 59.98 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 14,673.46 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.54 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 1,568.61 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 3,237.86 จุด
ในระหว่างวันนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 14,700 จุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เพราะได้แรงหนุนจากภาวะการซื้อขายที่คึกคักในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.57% หุ้นอินเทล ดีดตัวขึ้น 3.13% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.94%
หุ้นอัลโค อิงค์ ปิดทรงตัวที่ 8.39 ดอลลาร์ หลังจากอัลโคเปิดเผยว่ารายได้สุทธิในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 149 ล้านดอลลาร์ หรือ 13 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งทะยานขึ้นจากระดับ 94 ล้านดอลลาร์ หรือ 9 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ะยอดขายลดลงแคะ 5.83 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.01 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด
ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่ตลาดก็ได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.8% โดยสต็อกสินค้าเดือนก.พ.ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2554 หรือในรอบ 17 เดือน และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายบริษัทปรับลดสต็อกสินค้าคงคลัง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ปิโตรเลียม และเภสัชภัณฑ์
ขณะที่สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนในเดือนมี.ค. โดยเจ้าของธุรกิจที่วางแผนจะลดสต็อกสินค้าและลดการจ้างงานนั้นมีจำนวนมากขึ้น
โดย NFIB ระบุว่า ดัชนีมุมมองเชิงบวกของธุรกิจขนาดเล็ก ลดลง 1.3 จุด สู่ระดับ 89.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2555 โดยดัชนีปรับตัวผันผวนระหว่าง 86.5 - 94.5 นับตั้งแต่ที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยสิ้นสุดลงในเดือนมิ.ย.2552