โดยมีปัจจัยมาจาก sentiment ของตลาดหุ้นโลกออกมาค่อนข้างดี ตลาดหุ้นในสหรัฐฯปรับบวกขึ้นมา ซึ่งนักลงทุนคาดหวังเกี่ยวกับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/56 ของกลุ่มเทคโนโลยี
ส่วนสถานการณ์ที่ยังต้องติดตามเป็นเรื่องของความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี การเมืองในประเทศ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วเกินไปซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
พร้อมให้แนวต้าน 1,485-1,490 จุด แนวรับ 1,460-1,465 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(9 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,673.46 จุด เพิ่มขึ้น 59.98 จุด(+0.41%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,568.61 จุด เพิ่มขึ้น 5.54 จุด(+0.35%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,237.86 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด(+0.48%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.40 จุด, +0.21% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 15.04 จุด, -0.11% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.99 จุด, +0.68% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 44.41 จุด, +0.57% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.89 จุด, -0.11%, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.95 จุด, +0.03% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 93.03 จุด, +0.43% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.85 จุด, -0.04%
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(9 เม.ย.)ที่ 1,470.72 จุด ลดลง 18.81 จุด(-1.26%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,344.98 ล้านบาท เมื่อ 9 เม.ย.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(9 เม.ย.)ที่ 94.20 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.84 ดอลลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(9 เม.ย.)ที่ 5.7 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 28.93/95 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อ มองกรอบ 28.85-28.95
- "แบงก์ชาติ" ยอมรับเงินบาทแข็งเร็วเทียบดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.4% แตะ 28.95 บาทต่อดอลลาร์ สั่งติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ชี้ผลจาก "บีโอเจ" ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าที่คาด ขณะที่เงินบางส่วนส่วนไหลเข้าลงทุนใโครงสร้างพื้นฐานบีทีเอส ยันไม่มีมาตรการเพิ่มเน้นใช้เครื่องมือตามกลไกตลาด เผยต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ 1.2 หมื่นล้านวานนี้
- ธปท.สั่งแบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่ออสังหาฯ เตือนอย่าแข่งปล่อยกู้ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่ "ประสาร"รับบางพื้นที่ราคาพุ่ง ขอดูข้อมูลก่อนออกมาตรการ ด้านเอดีบีหนุนออกมาตรการ หากสัญญาณฟองสบู่ชัด ขณะผู้ประกอบการเปิดตัว2เดือนแรกเฉียด4หมื่นล้าน ยันบ้านแนวราบไม่เกิดฟองสบู่
- ครม.เห็นชอบ จัดซื้อรถโดยสารเอ็นจีวี 3,183 คัน วงเงินกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท เตรียมเปิดให้เอกชนร่วมประมูล เน้นผู้ประกอบการในประเทศ หวังเพิ่มการจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ คาด 18 เดือน พร้อมให้บริการ ลุยศึกษาแผนเชื่อมต่อตั๋วร่วมรถไฟฟ้าหวังลดการใช้รถส่วนตัว ด้าน ขสมก.ระบุแนวทางจัดซื้อคุ้มกว่าช่า-ให้เอกชนรับช่วง มั่นใจค่าใช้จ่ายรายเดือนลดลงช่วยล้างหนี้สะสมได้มากกว่า 1,363 ล้านบาทต่อปี
- นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 เม.ย. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง(เจซีซี) ว่ารัฐบาลไทยและเมียนมาร์จะร่วมกันจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ(เอสพีวี) ขึ้น เพื่อเข้าไปถือสัญญาทวายแทนบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
- ตลาดหลักทรัพย์ เชื่อหุ้นไทยน่าสนใจสูงสุดในอาเซียน หลังดัชนีร่วงติดต่อกันหลายวัน ฉุดพีอีหล่นมาอยู่ระดับ 13.7 เท่า ขณะเดียวกันวอลุ่มซื้อขายสูงสุดในภูมิภาค ไตรมาสแรกทะลุ 6.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน "จรัมพร" แย้ม เตรียมปรับเป้าใหม่เร็วนี้ โบรกเกอร์เผยไตรมาสแรก ยอดเปิดบัญชีใหม่ 6.5 หมื่นบัญชี เฉพาะบัญชีแอคทีฟแตะ 2.8 แสนบัญชี เพิ่มขึ้น 6 หมื่นบัญชี จากปีก่อนหน้า
- เอดีบีประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4.9% ปีหน้าแตะ 5% ระบุการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักหวังการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐหายฝืด ชี้รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องดี แต่เสี่ยงในเรื่องความชัดเจน-โปร่งใสเพราะเป็นเงินนอกงบประมาณ
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCP(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 40 บาท มองบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 โดยที่คาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q56 จะออกมาที่ 1,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% QoQ ขณะที่ใน 2Q56 คาดกำไรสุทธิจะเพิ่มต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY โดยที่ปัจจัยบวกนอกจากจะมาจากธุรกิจหลักอย่างโรงกลั่น และยอดขายน้ำมันแล้ว ใน 2Q56 ธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์คาดว่าจะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้จาก Phase 2 เต็มไตรมาสจากทั้ง 2 หน่วย (32 MW) และจะมีกำไรพิเศษจากเงินประกันเหตุเพลิงไหม้ 750 ล้านบาทเข้ามาด้วย
- SYMC(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 24 บาท ปัจจัยหนุนหลักในระยะสั้นจะอยู่ที่แนวโน้มของกำไรสุทธิใน 1Q56 ที่คาดว่าจะเติบโต YoY และ QoQ โดยที่นอกจากจะรับรู้รายได้บางส่วนที่เลื่อนมาจากใน 4Q55 แล้ว จะเริ่มรับรู้รายได้จาก CTH เข้ามาราว 12 ล้านบาท และได้ลูกค้าใหม่กลุ่มสถาบันการเงินและค้าปลีกที่ใช้บริการประเภท Private Network เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลประกอบการทั้งปี 2556 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21% YoY และในปี 2557-2560 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยต่อปีถึง 18% YoY
- THANI(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 6.40 บาท คาดจะรายงานผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอีกครั้งใน 1Q56 จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งได้ประโยชน์จากการลดลงของอัตราภาษีนิติบุคคล ขณะที่ภาพรวมการเติบโตในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดกำไรสุทธิเติบโตถึง 46% ในปีนี้ และเติบโตเฉลี่ย 29% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ Valuation ปัจจุบันยังคงน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว
- CK(ดีบีเอส)"ซื้อ"เป้า 35 บาท ราคาหุ้น CK ได้ปรับลงมาแล้ว 29% ในช่วง 15 วันทำการที่ผ่านมา ขณะที่มีพัฒนาการในทางบวกกับบริษัทในเรื่องการปรับโครงสร้างงบการเงินให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยล่าสุด CK ขายหุ้น BMCL ออกไป 953 ล้านหุ้น หรือ 7.97% ที่ราคาหุ้นละ 0.61 บาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงจาก 24.61% เป็น 16.64% จึงไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนของ BMCL อีก โดยเริ่มตั้งแต่ 2Q56 เป็นต้นไป และยังจะมีการบันทึกกำไรจากขายหุ้น BMCL 444 ล้านบาทใน 2Q56, บันทึกกำไรจากการตีมูลค่าหุ้น BMCL ที่ยังคงถืออยู่ตามราคาตลาดอีก 1.9 พันล้านบาทใน 2Q56 และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเป็น 0.5 เท่า