การเติบโตของจำนวนผู้ดดยสารมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาการจราจรบนท้องถนนที่ติดขัดมาก และมีการโยกย้ายของประชาชนเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น เป็นผลให้มีการใช้รถไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยยอดผู้โดยสารช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ปรับตัวสูงขึ้นมากมาที่ระดับ 4-5 แสนเที่ยว/วัน จากเดิมอยู่ที่ 3 แสนเที่ยว/วัน ส่งผลทำให้มีส่วนต่างกับผู้โดยสารในวันธรรมดาไม่สูงมากเหมื่อนในอดีต
บริษัทยังเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟฟ้า 4 ตู้ต่อขบวน จำนวน 26-27 ขบวน จากทั้งหมด 35 ขบวน ภายในสิ้นเม.ย.นี้ เพื่อรองรับการเดินรถเส้นทางสุขุมวิทที่มีผู้โดยสารเพิ่มมาก โดยเฉพาะช่วงเร่งด่วน ขณะที่สายสีลม ได้เตรียมเพิ่มรถไฟฟ้าอีก 5 ขบวนเป็น 12 ขบวนแบบ 4 ตู้ ภายในสิ้นปี 56 ซึ่งจะมีการทยอยส่งมอบรถไฟฟ้าเข้ามา
รวมทั้งบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาทสำหรับซื้อรถไฟฟ้า 7 ขบวนแบบ 4 ตู้ รองรับการเดินรถุส่วนต่อขยายช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสั่งซื้อได้ในปี 60 ได้ และใช้จริงในปี 62
นายสุรพงษ์ ยังคาดว่า ในเดือน ธ.ค.56 จะสามารถเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าจากสถานีวงเวียนใหญ่ไปสถานีบางหว้าได้ หลังจากการประเมินงานก่อสร้างที่มีความคืบหน้าไปมาก โดยปัจจุบันมีการทดลองการเดินรถสถานีวงเวียนใหญ่ไปสถานีโพธินิมิตรและสถานีตลาดพลู
สำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท ( BTSGIF) นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากการโรดโชว์พบว่านักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจจองซื้อเกินขนาดของกองทุนถึง 25 เท่า ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก ส่วนนักลงทุนรายย่อยจองซื้อเข้ามาเกินกว่า 2 เท่า โดยรวมจองซื้อเกิน 7 เท่า โดยได้เคาะขายราคาสุดท้ายหน่วยละ 10.80 บาท
และวานนี้ นักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาแลกเงินบาทเพื่อนำไปซื้อกองทุน BTSGIF จำนวน 2.68 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณว่า 40% ของวงเงินกองทุน BTSGIF รวม 6.25 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ บริษัทจะได้รับเงินจากการขายกองทุน BTSGIF ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ได้ในวันที่ 19 เม.ย. นี้
"นักลงทุนต่างชาติให้ความมั่นใจเรื่อง Infrastructure เพราะเป็นนโยบายรัฐบาล และจังหวะดีที่ช่วงโรดโชว์ รัฐบาลนำเสนอเรื่องนี้ ต่างชาติก็เชื่อมั่น"นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าววา บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนมาซื้อหน่วยลงทุน 1 ใน 3 ของ BTSGIF เป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท และจะกันเงินไว้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทรองรับการไถ่ถอนหุ้นกู้ ส่วนเงินที่เหลือกว่า 3 หมื่นล้านบาท จะนำไปใช้ในการลงทุนเดินรถเส้นทางใหม่ต่อไป ซึ่ง BTSC จะเข้าร่วมประมูล ซึ่งคาดว่าจะมีการประมูลเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบ่งริ่ง-สมทุรปราการ ก่อนเส้นอื่น และเส้นทางนี้จะมีการต่อขยายไปถึงบางปูในระยะต่อไป นอกจากนี้ปีนี้จะมีการประมูลสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย -มีนบุรี และสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งเป็นเส้นทางที่บริษัทเข้าร่วมประมูลเดินรถต่อไป
ขณะที่ BTSC เมื่อได้ขายรายได้ล่วงหน้าในการเดินรถให้กับกองทุน BTSGIF จะไม่มีรายได้เข้าบริษัท แต่จะได้ค่าจ้างเดินรถให้กับ กทม.แทน ซึ่งปัจจุบันมีสัญญาเดินรถอยู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ สะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่, อ่อนนุช-แบริ่ง, วงเวียนใหญ่-บางหว้า โดยรวมแล้วบริษัทจะมีรายได้เข้ามาปีละ 1.8 พันล้านบาท คาดว่าจะเข้ามาเป็นรายได้เต็มปีในงวดปี 57/58
อย่างไรก็ดี แม้ว่า BTSC ที่เคยสร้างรายได้หลักของกับ BTS แต่หลังจากนี้ก็จะได้รับรายได้จากบริษัทย่อยอื่นเข้ามาทดแทน ได้แก่ บมจ. วึจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ผู้ผลิตสื่อโฆษณานอกสถานที่และในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส และยังได้เงินปันผลจากกองทุน BTSGIF และคาดว่าในงวดปีนี้ BTS น่าจะมีกำไรดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว
นอกจากนี้ BTS กรุ๊ป ก็ยังมีที่ดินเปล่าอยู่หลายแปลงทั้งในกม.และต่างจังหวัด มูลค่ารวม (ตามราคาประเมิน) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ได้แก่ ที่ดินบริเวณหมอชิต 15 ไร่ ที่ดินบริเวณพญาไท 3 ไร่กว่า ใกล้สถานีพญาไท รวมทั้ง BTS ได้ร่วมพันธมิตรบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า โดย BTS จะใช้ที่ดินของตัวเองเข้าร่วมหุ้น แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะประกาศความชัดเจนได้เมื่อใด