ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 80.18 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 14,753.64 จุด และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 10.72 จุด หรือ 0.68% แตะที่ 1,579.33 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 36.19 จุด หรือ 1.12% แตะที่ 3,274.05 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐได้ปัจจัยหนุนจากการที่จีนเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นการเปิดโอกาสให้จีนใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปได้ และจะส่งผลสืบเนื่องให้อุปสงค์น้ำมันในประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกเพิ่มขึ้นด้วย
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยายตัว 2.1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งลดลงจาก 3.2% ในเดือนก.พ.
การขยายตัวของ CPI เมื่อเทียบรายปีในเดือนมี.ค.นับว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบรายปี และการนำเข้าดีดตัวขึ้น 14.1% บ่งชี้ว่าการค้าระหว่างประเทศของจีนยังคงมีการขยายตัวในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเมื่อปีที่แล้วได้เริ่มส่งผล ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขั้น
หุ้นแอปเปิลปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 1.4% และหุ้นไฟเซอร์ทะยานขึ้น 2.3%
นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมเฟดซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. โดยในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ตัดสินใจเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน