ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 62.90 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 14,865.14 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.64 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 1,593.37 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.90 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 3,300.16 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 เม.ย. ปรับตัวลดลง 42,000 ราย สู่ระดับ 346,000 ราย ซึ่งถือว่าลดลงครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ และลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 365,000 ราย
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลงหลังบริษัทวิจัยตลาด IDC รายงานว่า ยอดส่งมอบพีซีคอมพิวเตอร์ทั่วโลกร่วงลง 13.9% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือว่าร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรายงานข้อมูลครั้งแรกเมื่อปี 2537
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้สกัดแรงบวกของดัชนี Nasdaq ในระหว่างวัน และยังได้ฉุดหุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลงหนักสุดถึง 4.4% ขณะที่หุ้นอินเทลร่วงลง 2% และหุ้นฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด ดิ่งลง 6.5%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นรอส สโตเรส พุ่งขึ้น 5.9% หุ้นแอล แบรนด์ส พุ่งขึ้น 4.3% และหุ้นเจซี เพนนีย์ ทะยานขึ้น 5.5%
นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารเวลล์ ฟาร์โก ในวันนี้ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย.ในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย โดยมีการคาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ 78.5 ในช่วงต้นเดือนเม.ย. ลดลงจาก 78.6 ในช่วงท้ายเดือนมี.ค.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทยเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีกอาจจะทรงตัวในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนก.พ.