แต่มีปัจจัยที่ยังกดดันตลาดในเรื่องของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะมีการประกาศลดตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่ในช่วงสั้นยังมีปัจจัยหนุนจาก Trigger Fund ที่มีการระดมเงินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ยังมีเงินไหลเข้ามาซื้อสุทธิในกองทุนภายในประเทศ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้บวกลบสลับกัน
พร้อมให้แนวต้าน 1,525 จุด แนวรับ 1,505-1,510 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(11 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,865.14 จุด เพิ่มขึ้น 62.90 จุด(+0.42%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,593.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.64 จุด(+0.36%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,300.16 จุด เพิ่มขึ้น 2.90 จุด(+0.09%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 19.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 84.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.35 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.56 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.48 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 0.60 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(11 เม.ย.)ที่ 1,516.81 จุด เพิ่มขึ้น 26.56 จุด (+1.78%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 13.01 ล้านบาท เมื่อ 11 เม.ย.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(11 เม.ย.)ที่ 93.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.13 ดอลลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(11 เม.ย.)ที่ 6.1 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 29.06/08 คาดวันนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบ ปริมาณซื้อขายเบาบาง
- เงินไหลเข้ายังหนุนค่าบาทแข็งค่า คลังเผย ธปท.ขอข้อมูลโบรกเกอร์นอก รายงานการลงทุนบัญชีนักลงทุนต่างชาติในไทย ด้านสมาคมจัดการลงทุนเผยมีบัญชีต่างชาติในบลจ.ไม่ถึง 2 หมื่นราย วงเงินลงทุน 1.5 แสนล้าน"ณรงค์ชัย"เผยธปท.แถลงปรับประมาณการใหม่วันนี้ รับกังวลบาทแข็งเร็ว
- รัฐบาลดึง "NEDA" ตัวแทนไทยลงทุน SPV โครงการทวาย คาดตั้งได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ "นิวัฒน์ธำรง" แจงรัฐบาลพม่าพร้อมคืนเงินลงทุนอิตาเลียนไทยส่วนที่ลงทุนไปแล้ว ยันไม่ได้เป็นการลดบทบาท แต่เพื่อความเป็นธรรมกับเอกชน ชี้สามารถเข้าลงทุนได้ในทุกธุรกิจในโครงการ เตรียมจัดประชุม JCC กทม.ปลายเดือนนี้ ขณะที่ฝ่ายบริหารอิตาเลียนไทยเผยลงทุนไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท
- นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.ได้สั่งการให้บริษัทผู้ดูแลรับฝากหลักทรัพย์และสถาบันการเงินที่ทำธุรกิจรับฝากทรัพย์ (Custo dian) รายใหญ่ของไทย 3-4 แห่งรายงานการถือครองพันธบัตร(บอนด์) ในประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติ ว่า มีนักลงทุนต่างชาติประเภทใดบ้างที่เข้ามาลงทุนถือบอนด์ระยะสั้นและถือลงทุนระยะยาว
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในงวดเดือน มี.ค. รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.51 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1,878 ล้านบาท หรือ 1.3%
- น.ส.ชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ นายกสมาคมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (TAFEX) และกรรมการผู้จัดการ บริษัททเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราในไทยและธนาคารพาณิชย์กำลังประสบภาวะขาดแคลนเงินสกุลเยนอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงรุกมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ทำให้สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงรวดเร็ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- SEAFCO(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 11.70 บาท มองหุ้นรับเหมาขนาดเล็กอย่าง SEAFCO น่าจะ Outperform หุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ได้ในระยะต่อไป โดยที่คาดว่าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่อๆไปในอนาคต บริษัทจะยังคงมีโอกาสได้รับงานเสาเข็มเจาะจากทั้ง CK และ STEC เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสีเขียว ทำให้ทั้งปี 2556 บริษัทมีโอกาสรับงานได้ราว 2-2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-20% ประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 เพิ่มขึ้น 14% YoY และ ROE เฉลี่ยในช่วงปี 2556-2257 จะอยู่ที่ระดับสูงถึง 24%
- BEC (เกียรนาคิน)"ซื้อ"เป้า 73.20 บาท Nielsen รายการช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 56 ยอดใช้งบโฆษณาผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เพิ่มขึ้นราว 11% YoY เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่มผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ รวมทั้งการได้ประโยชน์จากอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงในปี 2556 ทำให้เราคาดผลประกอบการงวด 1Q56 ของ BEC จะออกมาเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง ขณะที่ช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนทำให้หุ้น BEC ปรับตัวลดลงกลับมามี Up-side Gain น่าสนใจ 16%
- CK (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 36 บาท เซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) สัญญาที่ 2 (ระบบราง) มูลค่า 2.4 พันล้านบาทแล้ว คาดก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2560 ส่วนงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง 2.5 หมื่นล้านบาท คาดเซ็นสัญญาภายในเดือนนี้ ทั้งสองงานรวมอยู่ในประมาณการแล้ว
- AOT (ดีบีเอส)"ซื้อ"เป้า 152 บาท ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับบาท โดยมาจากกำไรในอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่มีเงินกู้รูปเยนสูงมาก โดบคาด AOT จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนนี้สูงถึง 1.8 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 18% ของคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ที่ 10.2 พันล้านบาท สำหรับแนวโน้มธุรกิจ ยังไปได้ดีตามธุรกิจท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวสูงต่อเนื่องในปี 56 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยขยายตัวอย่างน้อย 10% เป็น 24.5 ล้านคนในปี 56 คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารรวมและจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 13.7% และ 13.5% ตามลำดับในปีนี้ และประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 57%