(แก้ไข) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้วูบลงรับข่าวร้ายช่วงหยุดสงกรานต์ก่อนดีดกลับ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 17, 2013 10:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า มองแนวโน้มตลาด
เช้านี้จะกระโดดลงก่อนในช่วงแรก แต่มองว่าการปรับตัวลงจะไม่มาก และเชื่อว่าจะสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาในแดนบวกได้

การปรับตัวลงในช่วงแรกจะเป็นการตอบรับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลงไปในก่อนหน้านี้จากเหตุการณ์ระเบิดระหว่างการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ประกอบกับ ตัวเลขของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)ของจีนที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ปัจจุบันตลาดต่างประเทศก็ได้รีบาวน์กลับขึ้นมาแล้ว

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามประเด็นการเมืองว่าวันที่ 18 เม.ย.จะมีการหยิบยกกฏหมายนิรโทษกรรมขึ้นมาหารือหรือไม่ ประกอบกับ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงแรงจะส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่างไร รวมทั้ง หุ้น SCB ที่จะขึ้น XD วันนี้ คาดว่าจะส่งผลต่อดัชนี SET ราว 1.4 จุด

ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาควันนี้ปรับตัวรีบาวน์เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวันที่ยังอยู่ในแดนลบ

พร้อมให้กรอบแกว่งตัวของดัชนีวันนี้ไว้ที่แนวรับ 1,510 จุด แนวต้าน 1,530-1,535 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(16 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,756.78 จุด เพิ่มขึ้น 157.58 จุด(+1.08%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,574.57 จุด เพิ่มขึ้น 22.21 จุด(+1.43%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,264.63 จุด เพิ่มขึ้น 48.14 จุด(+1.50%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.18 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 122.66 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.25 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 21.76 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 109.06 จุด, ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.40 จุด, ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.60 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(12 เม.ย.)ที่ 1,527.32 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด(+0.69%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,095.43 ล้านบาท เมื่อ 12 เม.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(16 เม.ย.)ที่ 88.72 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(16 เม.ย.)ที่ 4.9 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 28.93/96 คาดวันนี้ลงไปทดสอบระดับ 28.90 บาท/ดอลลาร์
  • พาณิชย์รับสัญญาณส่งออกชะลอตัว รอถกทูตพาณิย์ทั่วโลกประเมินสถานการณ์ปลายเดือนพ.ค.นี้ ก่อนปรับเป้าใหม่"บุญทรง"เผยภาคเกษตรกระทบหนัก แต่มั่นใจมาตรการลดต้นทุนเอกชนดันส่งออกตามเป้า 8-9% ขณะสอท.เตรียมถกสมาชิก 24 เม.ย. เสนอรัฐบาลช่วยเหลือ
  • "แบงก์ชาติ"เชื่อเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไม่ได้มาจากการทำ "แครี่เทรด" ชี้ต้นทุนไม่คุ้มกำไร ทั้งกลไกอัตราแลกเปลี่ยนถ่วงสมดุล วางมาตรการหนุน "เอสเอ็มอี" แก้ปัญหาบาทแข็ง ขณะที่ผลศึกษา ธปท. ระบุเงินบาทแข็งค่ากระทบผู้ประกอบการบ้าง แต่เอื้อธุรกิจปรับศักยภาพการผลิต พร้อมระบุลดดอกเบี้ยไม่มีผลต่อเงินทุนไหลเข้า เหตุนักลงทุนมักตอบสนองกับข่าวใหม่
  • ราคาทองคำในตลาดโคเม็กซ์สหรัฐ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 12 เม.ย.ที่ 1,501 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยร่วงลงลึกสุดถึง 1,328 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เมื่อวานนี้ก่อนขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,361.10 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ รวม 2 วันร่วงลงไปถึง 220 เหรียญสหรัฐ นับเป็นราคาที่ร่วงลงแรงที่สุดในรอบ 33 ปี
  • "จุฬารัตน์ สุธีธร"ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กล่าวว่า สบน.มีแผนที่จะระดมทุนระยะยาวด้วยการกู้เงินผ่านการออกพันธบัตรอายุ 100 ปีซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม และวงเงินพันธบัตรจำนวนนี้ว่าควรจะเป็นเท่าใด
  • กองทุนไทยและต่างชาติพร้อมใจเพิ่มสัดส่วนถือครองหุ้นอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 4 แห่ง แลนด์แอนด์เฮ้าส์-เอพี-มั่นคง-พฤกษา เผย กบข. ทยอยตุนหุ้นพฤกษา 1.19% และหุ้นแลนด์ฯ เกือบ 1% จากเดิมไม่เคยถือลงทุน ด้านโบรกเกอร์คาดมาตรการเพิ่มเงินดาวน์ไม่กระทบกำไรปีนี้ทั้งกลุ่มคาดโต 25% รอความชัดเจนแนะทยอยซื้อได้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • MFEC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"ให้เป้า 8.20 บาท ราคาหุ้นให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD เงินปันผลปี 2555 หุ้นละ 0.33 บาท ในวันที่ 30 เม.ย.2556 คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5% รวมทั้งเป็น 1 ในหุ้น ที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากมีต้นทุนสินค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์—โทรคมนาคม ในรูปสกุลเงิน USD ขณะที่รายได้อยู่ในรูปสกุลเงินบาท ส่งผลให้ส่วนต่างอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มขึ้น และมองบวกต่อผลประกอบการปี 2556 ที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ขาขึ้นของธุรกิจ พร้อมมองราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Valuation ที่ไม่สูงมากนัก
  • BECL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 48 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q13 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,195 ล้านบาท +901% Q-Q, +679% Y-Y จากกำไรการปรับมูลค่าการลงทุน TTW ราว 2.8 พันล้านบาท ส่วนกำไรปกติคาดที่ 385 ล้านบาท +21% Q-Q, -6% Y-Y โดยปริมาณการใช้ทางด่วนยังโตดีต่อเนื่องเป็นเฉลี่ย 1.123 ล้านคัน/วัน +2% Q-Q, +2% Y-Y โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้โต 33% แต่ปรับเพิ่มกำไรสุทธิ 20% เป็น 4.7 พันล้านบาท(+109% Y-Y) จากกำไรปรับมูลค่า TTW ดังกล่าว อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากการขึ้นค่าทางด่วน, CKP เข้าตลาดฯ และกำลังศึกษาการตั้ง Infrastructure Fund
  • ROJNA(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 14 บาท มองความน่าสนใจของบริษัทมาจาก 3 ธุรกิจหลักคือ โอกาสสร้างยอดขายที่ดินต่อเนื่องจากการมีพื้นที่ใหม่ที่ จ.ปราจีนบุรี รวมถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการรายใหญ่เช่น HONDA โดยมีเป้าหมายยอดขายปี 56 ที่ 1.5 พันไร่ พร้อมการรับรู้รายได้ในช่วง 1H56 จากการโอนโครงการคอนโดมีเนียม Kaina Plaza II จากมูลค่าโครงการรวม 3.6 พันล้านบาท และการกลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้าอีกครั้งทำให้เห็นกำไรจากการดำเนินงานเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมคาดจ่ายปันผลทั้งปีได้ 38 สตางค์ต่อหุ้น Dividend Yield 3.4%
  • KAMART(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"คาดว่าการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อยอดจากแบรนด์ “Missha" จะผลักดันยอดขาย และกำไรให้ดีขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยที่แนวโน้มใน 1Q56 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิที่ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY และ 9% QoQ ปัจจุบันราคาหุ้น KAMART ปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 56 ที่ 26 เท่า มีส่วนลด 21% เมื่อเทียบกับ P/E ปี 2556 เฉลี่ย 33 ของ 7 บริษัทค้าปลีกใน SET 100 โดยประเมินมูลค่าเหมาะสม KAMART ก่อนรวมผล Dilution จาก Warrant ที่ 12.50 บาท และมูลค่าเหมาะสมรวม Fully diluted ที่ 11.50 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ