นอกจากนี้ MAJOR ยังขยายโรงภาพยนต์เพิ่มอีกกว่า 100 โรงรุกเข้าตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น และการปรับเพิ่มค่าตั๋วเช้าชมภาพยนต์ อีกทั้งการเปลี่ยนวิธีขายโฆษณาในโรงหนังเป็นแบบเหมา ทำให้คาดว่าปีนี้กำไรสุทธิมีโอกาสแตะระดับ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตราว 21-38% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 811 ล้านบาท
ขณะที่ บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(MPIC)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MAJOR เจอพิษหนัง"คู่กรรม"ที่รายได้ไม่เข้าเป้า แต่ไม่ขาดทุนมากเพราะมีสปอนเซอร์และขายลิขสิทธิดีวีดี ส่งผลให้ MAJOR ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 25.50 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 25.50 บล.เคจีไอ ซื้อ 25.50 บล.กรุงศรี ซื้อ 25.10 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 24.75 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 24.60
นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า คาดผลประกอบในปี 56 ของ MAJOR เติบโตอย่างโดดเด่น จากแผนการขยายโรงภาพยนต์เพิ่มขึ้นกว่า 100 โรง นอกจากนี้ไตรมาส 2/56 รายได้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากภาพยนตร์“พี่มาก พระโขนง"ทำรายได้ดีและยืนโรงฉายมาถึงกลางเดือน เม.ย.แล้ว โดยข้อมูล ณ วันที่ 14 เม.ย.56 ทำรายได้แล้ว 374 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ในไตรมาส 2/56 กว่า 270 ล้านบาท(ล่าสุด ณ 16 เม.ย.ทำรายได้ 422.93 ล้านบาท)
ประกอบกับ ไตรมาส 2/56 ยังมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจเข้าฉาย เช่น Iron Man 3, Fast & Furious 6 และ Man of Steel คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ MAJOR ค่อนข้างมาก และจะมีรายได้จากค่าโฆษณาในโรงภาพยนตร์ดีขึ้นจากไตรมาส 1/56 ที่มีภาพยนตร์ที่เข้าฉายมีความน่าสนใจน้อยกว่าไตรมาส 2/56 ส่วนภาพยนตร์“คู่กรรม"ที่รายได้พลาดเป้ากระทบต่อรายได้ของ MAJOR เล็กน้อย โดยข้อมูลรายได้ล่าสุด ณ วันที่ 14 เม.ย. 56 อยู่ที่ 38 ล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาตั๋วชมภาพยนตร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% มาจากการเพิ่มโรงฉายระบบดิจิตอลมากขึ้น ทำให้ตั๋วชมภาพยนตร์มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า MAJOR มีแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นจากปี 55 จากการได้รับส่วนแบ่งการฉายภาพยนตร์(Film Hire)ในโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 52% และส่วนที่เหลือเป็นของค่ายหนัง จากเดิม 50:50
นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ดีของ MAJOR จากรายได้ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศกลับมาเติบโตได้ดี โดยเฉพาะ“พี่มาก พระโขนง"ที่ทำรายได้ดีกว่าคาดผ่าน 400 ล้านบาทไปแล้ว ทำให้รายได้ไตรมาส 2/56 เติบโตอย่างโดดเด่น ประกอบกับ เป็นช่วงปิดเทอมด้วย ทำให้รายได้รอบฉายช่วงกลางวันมีมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ต่างประเทศฟอร์มยักษ์ที่เตรียมลงเข้าฉายในไตรมาส 2/56 ได้แก่ Iron Man 3 , Fast & Furious 6 และภาพยนตร์ไทยเรื่องต้มยำกุ้ง 2 และตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคสุดท้าย (ถ้าไม่มีการเลื่อนวันฉาย) อีกทั้งการขยายโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัดมากขึ้น มีส่วนสนับสนุนรายได้ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งรายได้จากค่าโฆษณาก็เติบโตตามไปด้วย เนื่องจากเปลี่ยนระบบฉายภาพยนตร์เป็นระบบดิจิตอลมากขึ้น ซึ่งจะมีการขายโฆษณารูปแบบเหมาทุกโรงแตกต่างจากโรงที่ฉายเป็นระบบแผ่นฟิล์มปกติที่สามารถเลือกโฆษณาในโรงภาพยนตร์แต่ละที่ได้ ซึ่งรายได้ค่าโฆษณาจะเติบโตตามกระแสภาพยนตร์ที่เป็นที่นิยม รวมถึงรายได้จากการขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มก็จะเติบโตตามไปด้วย
ส่วนรายได้ค่าเช่าของ MAJOR ปัจจุบันมีสัดส่วนที่น้อยมาก โดยตั้งเป้าสัดส่วนไว้ที่ 5% ในปีนี้ เนื่องจากการขยายโรงภาพยนตร์ปัจจุบันขยายตามสาขาห้างโลตัสและบิ๊กซี ไม่ได้เป็นรูปแบบสแตนด์อโลน อีกทั้งขาดรายได้จากสาขาแคลิฟอร์เนีย ฟิตเนสที่ปิดตัวลงไปเป็นจำนวนมาก
ส่วนบริษัทย่อย MPIC คาดว่าปีนี้จะกลับมามีกำไร แม้ว่าภาพยนตร์“คู่กรรม"จะไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้แต่ก็ไม่ถึงกับขาดทุน เนื่องจากจะมีรายได้จากสปอนเซอร์ รวมทั้งจะมีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ทำแผ่นดีวีดี และขายสิทธิการฉายให้แก่เคเบิ้ลทีวีเข้ามาชดเชย จึงคาดว่า“คู่กรรม"จะคุ้มทุนหรือขาดทุนเล็กน้อย จากต้นทุนการสร้างราว 60-70 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม MAJOR ก็ยังมีรายได้จาก“พี่มาก พระโขนง"และภาพยนตร์ต่างประเทศฟอร์มยักษ์เข้ามาชดเชยรายได้ของ“คู่กรรม"และคาดว่าปีนี้ MAJOR จะมีสามารถทำกำไรแตะระดับ 1,000 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ มองธุรกิจโรงภาพยนตร์ของ MAJOR ที่เป็นธุรกิจหลักมีการเติบโตโดดเด่น และโฆษณามีส่วนช่วยกระตุ้นกำไรสุทธิในปี 56 นี้ได้ ถึงแม้ว่าในปี 55 รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์จะไม่ได้เติบโตมาก เนื่องจากมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจเข้าฉายไม่มากนักในปีที่แล้ว และเชื่อว่าการขยายโรงภาพยนตร์เชิงรุกเพิ่มอีก 119 สาขาในปีนี้จะช่วยให้รายได้ค่าตั๋วชมภาพยนตร์สูงขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริษัทยังคงใช้กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการขาย เช่น การใช้ Fantasy Design กับกระป๋อง Popcorn โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ของ con-to-box จะเพิ่มขึ้นจาก 28% ในปี 55 เป็น 30% ในปี 56 ส่วนรายได้โฆษณาที่สร้างมูลค่าเพิ่มนั้นตั้งเป้าการเติบโต 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแรงส่งด้านบวกของธุรกิจสื่อจะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนสำหรับธุรกิจโฆษณา
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานธุรกิจหลักของ MAJOR ในปี 56 จะโต 38% และโต 11% ในปี 57 จากธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับมาเติบโตอีกครั้ง การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าโฆษณาที่มีอัตรากำไรที่สูง และการไม่ต้องรับรู้ผลการขาดทุนของ MVD
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า คาดการณ์กำไรในไตรมาส 2/56 มีการเติบโตอย่างเด่นชัดจาก“พี่มาก พระโขนง"ประกอบกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดที่คาดว่าจะทำรายได้สูงเตรียมเข้าฉาย และแม้“คู่กรรม"ที่เป็นการผลิตของ MPIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่อาจกระทบเพียงเล็กน้อย
และไตรมาส 2/56 มีโรงภาพยนต์เพิ่มขึ้นถึง 119 โรง เป็น 532 โรง เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ MAJOR มีการเติบโต ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนต่อเนื่องไปถึงช่วงครึ่งปีหลังด้วย
ส่วน MPIC คาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น แต่รายได้ลดลง เนื่องจากลดธุรกิจการผลิตและจำหน่ายดีวีดีออกไป ซึ่งจะช่วยให้มีมาร์จิ้นสูงขึ้น
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี คาดกำไร MAJOR ในปีนี้จะเติบโต 27% เทียบกับปีก่อน จากแนวโน้มไตรมาส 2/56 เติบโตโดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นและ“พี่มาก พระโขนง"ทำรายได้สูงเกินคาด โดยรายได้ 19 วันอยู่ที่ 404 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 2 ของการทำรายได้สูงสุดรองจาก“สุริโยไท"รวมทั้งมีภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่หลายเรื่องเตรียมเข้าฉาย
นอกจากนี้การขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มอีก 119 โรงช่วยเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มีการขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น และส่วนแบ่งรายได้จากต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก 2% เป็น 52% โดยส่วนที่เหลือประมาณ 48% เป็นส่วนแบ่งของค่ายหนัง จากเดิมแบ่งกันคนละ 50% ส่วนในกรุงเทพยังเท่าเดิม 50:50 ส่วนรายได้ค่าโฆษณาปี 56 คาดโต 5-6% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการปรับเรทค่าโฆษณาและจำนวนโรงภาพยนตร์ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้รายได้ค่าโฆษณาเติบโตตามไปด้วย
ส่วนบริษัทย่อย MPIC ครึ่งปีแรกยังออกมาไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะภาพยนตร์“คู่กรรม"ที่รายได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับต้นทุนสร้างราว 60 ล้านบาท แต่จะมีรายได้จากสปอนเซอร์และรายได้จากการขายลิขสิทธิ์เข้ามาในภายหลัง คาดว่าสิ้นสุดการฉายจะทำรายได้ราว 50 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมผลประกอบการของ MPIC ครึ่งปีแรกยังทรงตัว ทั้งนี้ยังต้องรอดูช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถสร้างรายได้ที่ดีหรือไม่
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดว่า อัตรการเติบโตกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโต 21% และ 13% ตามลำดับ โดยได้รับผลประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ต่างจังหวัด อีกทั้งการตัดธุรกิจการจัดจำหน่ายวีซีดีและดีวีดีออกไป ทำให้ไม่ต้องรับรู้การขาดทุนของ MPIC อีก ต่อไป
ส่วนธุรกิจโรงภาพยนตร์คาดว่ามีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ได้สูง จากภาพยนตร์ "พี่มาก พระโขนง" ที่ทำรายได้ในไตรมาส 1/56 ไป 100 ล้านบาท และส่วนรายได้ตั้งแต่เดือนเมษายนจะบันทึกในไตรมาส 2/56 นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ที่คาดว่าจะทำรายได้ได้สูงอีก 2 เรื่อง คือ ตำนานสมเด็จพระเนศวร ภาค 5 และต้มยำกุ้ง 2 ส่วนภาพยนตร์ฮอลิวู้ดส์ที่คาดว่าจะทำเงินสูงในไตรมาส 2/56 คือ Iron Man 3 และไตรมาส 4/56 คือ The Hunter Game 2 และ The Hobbit 2