"ปีนี้เราคาดว่ากำไรกำไรสุทธิโตไม่ต่ำกว่า 13% จากปีก่อน มาจากรายได้ที่คาดว่าจะโต 10% จากปีที่แล้ว และคาดว่าปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ภาพรวมอุตสาหกรรมกระเบื้องยังเติบโตอีก 6% จากการขยายตัวของบ้านเดี่ยวในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในภาคเหนือ อีสาน และใต้ ส่งผลต่อความต้องการใช้กระเบื้องในตลาดเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ การปรับราคากระเบื้องเพิ่มขึ้น 5% ในช่วงเดือนมกราคม และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ จากต้นทุนค่าแรงและค่าขนส่งเพิ่มมากขึ้น"นายมารุต กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 41% สูงขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 39% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 19% จากปีที่แล้ว 16.44%
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/56 คาดว่ากำไรเติบโตสูงกว่า 10% ซึ่งเติบโตมากกว่ารายได้ที่คาดว่าจะเติบโตไม่ถึง 10% โดยช่วงต้นปียังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น ที่สำคัญกระเบื้องขนาด 16X16 ขัดขอบ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)ดีได้รับความนิยมอย่างมาก และยังได้รับผลดีจากการปรับขึ้นราคาขายด้วย
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2/56 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยจะออกมาดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีที่แล้วบริษัทมีปัญหาเรื่องขาดแคลนรถขนส่ง และในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ บริษัทจะจัดงาน"ไดนาสตี้แฟร์"ช่วงวันที่ 26-28 เม.ย.56 ที่ จ.ขอนแก่น บริเวณพื้นที่ข้างสำนักงานขนส่งแห่งที่ 3 โดยใช้งบประมาณในการจัดงานราว 50 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้มาก
"เราคาดว่าผลประกอบในไตรมาส 2 ปีนี้จะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่เรามีปัญหาเรื่องของการขาดแคลนรถบรรทุกขนส่งสินค้าในเดือน เม.ย.และ พ.ค.แต่ปีนี้เราก็ได้แก้ปัญหาไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าไตรมาส 2/56 จะมีการเติบโตอย่างดี ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมายอดขายเริ่มสูงขึ้น แต่ในไตรมาส 1/56 ช่วงเดือน มี.ค.ยอดขายลดลง ซึ่งมีความผิดปกติเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตามในไตรมาส 1/56 ผลประกอบการถือว่ายังออกมาดี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยสามารถกำไรได้อยู่ในระดับ 2 digit และทำรายได้ในระดับ 1 digit ซึ่งกำไรมากกว่ารายได้ถือเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ในไตรมาส 2/56 เรามีการจัดงานแฟร์ที่ จ.ขอนแก่น ในช่วงปลายเดือนเมษายน โดยเราใช้เงินในการจัดงานราว 50 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตมากขึ้น"นายมารุต กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งเป็นในประเทศ 97% และต่างประเทศ 3% โดยบริษัทไม่เน้นการส่งออกไปต่างประเทศมากนัก เนื่องจากมีการแข่งขันราคากันอย่างรุนแรง และตลาดในประเทศมีมาร์จิ้นที่สูงมากกว่าตลาดต่างประเทศ
บริษัทตั้งงบลงทุนรวมปี 56 อยู่ที่ 355.4 ล้านบาท มาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ โดยเงินลงทุนในปีนี้จะแบ่งเป็นนำมาใช้สำหรับการขยายกำลังการผลิตกระเบื้องเพิ่ม 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 64 ล้าน ตร.ม./ปี ใช้เงินลงทุน 80 ล้านบาท และซื้อเครื่องจักรขยายกำลังการผลิตกระเบื้อง 16X16 ขัดขอบ 3 เครื่อง ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 25,000 ตร.ม./ปีในเดือน มิ.ย.จากปัจจุบันอยู่ที่ 7,500 ตร.ม./ปี โดยใช้เงินประมาณ 12 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนขยายสาขาในปีนี้เพิ่มอีก 13 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 194 สาขา ใช้เงินลงทุนราว 130 ล้านบาท และใช้ปรับปรุงสาขาเดิมจำนวน 20 สาขา ใช้เงินลงทุนราว 40 ล้านบาท
นายมารุต กล่าวว่า บริษัทยังวางแผนระยะยาว 5 ปี (55-59)ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตปีละ 5% และขยายสาขาเพิ่มปีละ 10 สาขา เพื่อรองรับความต้องการใช้กระเบื้องในตลาดที่ยังมีการเติบโตอยู่ โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด และวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดปีละ 2-3% จากปีนี้คาดว่ามีส่วนแบ่งตลาดเป็น 37% เป็นอันดับ 1