นอกจากนั้น ในปี 55 บริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ทั้งค่าคดีความ ค่าใช้จ่ายในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์เพลิงไหม้คลังสินค้า ซึ่งจะไม่มีรายการเหล่านี้ในปีนี้
“ปีที่แล้วเราสะดุดนิดหน่อยตอนเหตุการณ์เพลิงไหม้ แต่บริษัทฯ ก็ยังทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย และทำให้บริษัทได้ประสบการณ์และได้บทเรียน ทำให้เกิดการเรียนรู้ว่าต้องปรับตัวอย่างไรในช่วงวิกฤติ ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ปีนี้จะสามารถบันทึกรายได้กรณีธุรกิจหยุดชะงักจากบริษัทประกัน ประกอบกับปีนี้ได้ปรับกลยุทธ์การขายและค่าใช้จ่ายที่ลดลง รวมถึงการจัดส่วนผสมของสินค้าใหม่ โดยไปเน้นที่สินค้าที่มีมาร์จิ้นมากเป็นหลัก จะเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราผลตอบแทนของกำไรสุทธิให้เพิ่มขึ้น"นายทรงพล กล่าว
นายทรงพล กล่าวว่า ในปีนี้ภาพรวมตลาดมีความคึกคักอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้มีผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยเข้ามาดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งมากขึ้น ทำให้คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 ที่มีมูลค่าการตลาด 5,000 ล้านบาท
สำหรับการเติบโตอย่างมากของมูลค่าตลาดนั้น เชื่อว่า จะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯ ได้รับผลดีตามไปด้วย เนื่องจากผู้บริโภคจะหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันชื่อเสียงของทีวีไดเร็ค ก็เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจว่า ยอดขายในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2,222 ล้านบาท
"ตลาดโฮมช้อปปิ้งในประเทศไทยยังเติบโตได้อีกมาก เพราะมูลค่าตลาดยังต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีช่องทางการตลาดครบวงจร อาทิ สื่อโทรทัศน์ ที่มีทั้งฟรีทีวี เคเบิลทีวีแบบบอกรับสมาชิก เคเบิลท้องถิ่น ทีวีดาวเทียม โทรศัพท์ ออนไลน์ และร้านค้าปลีก นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าเพิ่มร้านค้าปลีก TV Showcase อีก 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 70 แห่ง"นายทรงพล กล่าว