ทั้งนี้ โรงพยาบาลในแบรนด์ใหม่จะมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า แต่คุณภาพในการรักษาเท่ากับโรงพยาบาลกรุงเทพ ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มผู้ป่วยในระดับกลาง และคาดว่าจะมีการรับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมเข้ามารักษาด้วย เพื่อเพิ่มยอดผู้ใช้บริการ โดยโรงพยาบาลแบรนด์ใหม่จะมีจำนวนเตียงไม่เกิน 59 เตียง ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท/เตียง โดยโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งจะทยอยเปิดในปีนี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสการขยายธุรกิจในลาวเพื่อรองรับกการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยอาจเปิดให้บริการในลักษณะคลีนิกวเพิ่มขึ้น หลังจากปีนี้จะมีการเปิดทำการโรงพยาบาลที่ จ.อุดรธานี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรักษาผู้ปวยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะเดียวกันก็จะมีการขยายคลีนิกไปตามพื้นที่ต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขยายเครือข่ายให้มีความเข็มแข็งและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
น.พ.ปราเสริฐ กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงนโยบายที่จะถือหุ้นใน บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง(RAM)ที่มีสัดส่วน 38% และไม่มีแผนจะขายหรือเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น แต่หากมีข้อเสนอจากผู้บริหารของ RAM ก็พร้อมจะพิจารณาซื้อหุ้นเพิ่มเติม ส่วนการถือหุ้นใน บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH)ในสัดส่วน 23.88% ก็จะรักษาสัดส่วนไม่ให้เกิน 25% เพื่อจะได้ไม่ต้องทำ Trader Offer เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่ยุ่งยาก
"ปัจจุบันบริษัทได้ถือหุ้นโรงพยาบาลรามอยู่ 38% เรายังไม่มีนโยบายที่จะขายเนื่องจากปัจจุบันเรามีกำไรเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนหุ้นที่เราถืออยู่ทำให้กำไรในปีที่ผ่านมามากขึ้น จึงไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นออกไป ส่วนการถือหุ้นในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ก็ยังไม่ได้มีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นและปัจจุบันนโยบายของบริษัทจะมีการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกิน 25% เนื่องจากผลตอบแทนที่มีอยู่ในปัจจุบันค่อนข้างดีและมองว่าการบริหารงานดีอยู่แล้ว ประกอบกับหากบริษัทเข้าไปถือหุ้นเกิน 25% จะต้องมีการทำ Trader Offer ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งที่ยุ่งยากและวุ่นวายมาก"น.พ.ปราเสริฐ กล่าว