แม้ว่าในส่วนสินเชื่อจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยในช่วงต่ำสุดของปีปกติ แต่กำไรสุทธิได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 4.1 พันล้านบาท คิดเป็น 8.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2555 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น ความสามารถของกรุงศรีในการบริหารค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ดีขึ้น การเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ โดยเฉพาะจากธุรกรรมตัวแทนจำหน่ายประกัน และการบริหารกองทุนรวม (wealth and fund management)
"เราคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมในปีนี้จะมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าความต้องการสินเชื่อในทุกกลุ่มธุรกิจจะสามารถปรับเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากเศรษฐกิจของประเทศที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้กรุงศรียังคงเป้าการขยายตัวของสินเชื่อไว้ที่ระดับสูงกว่า 12% สำหรับปี 2556" นางเจนิส กล่าว
อนึ่ง BAY รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2556 ด้วยกำไรสุทธิ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากไตรมาส 4/2555 หรือเพิ่มขึ้น 18.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เงินให้สินเชื่อรวมเติบโต 0.9% หรือ 7.23 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 โดยสินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาส 4/2555 และ 20.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ในขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจหดตัวเล็กน้อยจากการชำระคืนเงินทุนหมุนเวียน
เงินรับฝากเพิ่มขึ้นถึง 2.2% คิดเป็นมูลค่า 15.29 พันล้านบาท จากเดือนธันวาคม 2555 สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายเงินคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมด (CASA) เพิ่มขึ้นมาอยู่ ที่ระดับ 55.9% ในเดือนมีนาคม 2556 เทียบกับ 53.8% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิไว้ในระดับสูงที่ 4.28%
สินเชื่อรวม 837 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 1.1 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 124 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 16.56% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็น 11.62%