BBL เผยกำไร Q1/56 โต 7.8% จากรายได้ดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 19, 2013 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกรุงเทพ(BBL) และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/56 จำนวน 9,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 653 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.8 จากไตรมาส 1/55 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 654 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1,221 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1,192 ล้านบาท

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ BBL กล่าวว่า ในปี 56 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี การลงทุนของภาคเอกชนทั้งในประเทศและไปต่างประเทศยังคงเป็นแรงส่งสำคัญ โดยมีทั้งที่เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต การปรับปรุงการผลิตไปสู่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และการลงทุนเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในขณะที่แผนการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นต่อภาคเอกชนในการวางแผนการลงทุนในระยะต่อไป

ณ สิ้นเดือน มี.ค.56 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,592,291 ล้านบาทใกล้เคียงกับสินเชื่อ ณ สิ้นปี 55 และเพิ่มขึ้น 82,054 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากทั้งลูกค้ารายใหญ่ ลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้าบุคคล ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 43,393 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.3 ต่อเงินให้สินเชื่อรวมซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ ณ สิ้นปี 55

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อและการตั้งสำรองอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ในไตรมาสนี้ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจานวน 1,741 ล้านบาท และมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพที่ร้อยละ 203.3

ถึงแม้ว่าการแข่งขันด้านเงินฝากยังคงมีอย่างต่อเนื่อง แต่ธนาคารยังคงรักษาฐานเงินฝากให้อยู่ระดับใกล้เคียงกับ ณ สิ้นปี 55 ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ธนาคารมีเงินฝากรวมทั้งสิ้น 1,833,108 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากลดลงจากร้อยละ 87.4 ณ สิ้นปี 55 เป็นร้อยละ 86.9 ณ สิ้นเดือน มี.ค.56

ในไตรมาส 1/56 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 13,877 ล้านบาท และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.41 ในไตรมาส 4/55 เป็นร้อยละ 2.44 ในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่มาจากต้นทุนเงินฝากที่ลดลงจากการทยอยครบกำหนดของเงินฝากอัตราดอกเบี้ยสูง รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีจานวน 5,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 540 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.6 จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่มีการเติบโตสูงคือบริการกองทุนรวมและบริการประกันชีวิตผ่านธนาคาร ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจากบริการบัตรเครดิตยังคงเติบโตดี

ไตรมาสนี้ ธนาคารมีกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 1,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 571 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปี 55 โดยเป็นกำไรจากการขายเงินลงทุนทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 9,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,192 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.2 จากไตรมาส 1/55 ส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานซึ่งเพิ่มขึ้น 768 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.7 เนื่องจากการปรับฐานเงินเดือนและจ่ายเงินช่วยเหลือเฉพาะกาลให้พนักงานเป็นกรณีพิเศษ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ มีจำนวน 1,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 268 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนสายลูกค้าบุคคล เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและโฆษณา อย่างไรก็ตาม ไตรมาสนี้ธนาคารมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 42.2

ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุนตามแนวทางบาเซิล 3 โดย ณ สิ้นเดือน มี.ค.56 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น เงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 16.7 ร้อยละ 14.1 และร้อยละ 14.1 ตามลำดับ ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 มี.ค.56 มีจำนวน 285,086 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.7 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 149.35 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 6.84 บาท จาก ณ สิ้นปี 55


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ