KBANK แจงกำไร Q1/56 โต 12.44% ตามรายได้เพิ่มขึ้น แม้ NIM ลดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 19, 2013 18:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารและบริษัทย่อยประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/56 กำไรสุทธิจำนวน 10,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 31.38% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 12.44%

ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/56 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/55 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 10,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จำนวน 2,414 ล้านบาท หรือ 31.38% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จำนวน 1,346 ล้านบาท หรือ 13.25% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น และรายได้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.49% ในขณะที่ไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 3.53% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลงจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 40.02%

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/56 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/55 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1,118 ล้านบาท หรือ 12.44% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 2,287 ล้านบาท หรือ 15.33% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,647 ล้านบาท หรือ 16.72% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและรายได้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น

สำหรับอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ณ วันที่ 31 มี.ค.56 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,109,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 55 จำนวน 32,525 ล้านบาท หรือ 1.57% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิ และเงินให้สินเชื่อ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL Gross) ณ วันที่ 31 มี.ค.56 อยู่ที่ระดับ 2.09% ขณะที่สิ้นปี 55 อยู่ที่ระดับ 2.16%

ในไตรมาสนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ในสภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัว และธนาคารมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขาลง และความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ณ วันที่ 31 มี.ค.56 อยู่ที่ระดับ 138.62% ขณะที่สิ้นปี 2555 อยู่ที่ระดับ 131.83%

นอกจากนี้ ในปี 56 ธนาคารได้มีการคำนวณเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ Basel III เป็นครั้งแรก โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.56 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยอยู่ที่ 15.79% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 11.47%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ