นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ TIPCO กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 56 โตไม่ต่ำกว่า 13% จากปี 55 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท ซึ่งมาจากการที่บริษัทได้ทุ่มกิจกรรมการตลาดอย่างครบวงจร คาดว่าจะสามารถทำให้ธุรกิจโดยรวมมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้งบการตลาดกว่า 500 ล้านบาทในการเปิดแคมเปญ"285 ล้านลูกต่อปี ทิปโก้คั้นสด...เพื่อความสดชื่นของคุณ"เพื่อสร้างการรับรู้สู่กลุ่มเป้าหมายและผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ด้วยกลยุทธ์การตลาดในการจัดโรดโชว์แนะนำน้ำส้มทิปโก้ 100% ทั้ง 5 รสชาติในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อส่งเสริมการลิ้มลองความสดอร่อยของน้ำส้มคั้นจากทิปโก้ พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ ชื่อชุด"เดินทาง"เริ่มออนแอร์วันที่ 18 พ.ค.56
นอกจากนั้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อรายได้ของบริษัทให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาจากตลาดรวมน้ำผลไม้ในประเทศมีมูลค่าเติบโต 12% ต่อปี หรือปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยเป็นตลาดน้ำผลไม้กลุ่มพรีเมี่ยมมูลค่าประมาณ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งทิปโก้เป็นผู้นำตลาดมียอดขายอันดับหนึ่ง โดยมีส่วนแบ่งตลาดโดยรวม 43%
ขณะที่สัดส่วนรายได้การส่งออกปัจจุบันอยู่ที่ 15% และคาดว่าในอนาคตจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25-30% เมื่อมีการเปิด AEC
"ปัจจุบันสัดส่วนรายได้การส่งออกต่างประเทศของบริษัทอยู่ที่ 15% เนื่องจากฐานลูกค้ายังไม่มาก โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน แต่มองในอนาคตเมื่อมีการเปิด AEC แล้วทำให้มีการเคลื่อนย้ายการลงทุน แรงงาน เงินลงทุนต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น คนมีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้ส่งผลต่อกำลังซื้อน้ำผลไม้ตามไปด้วย โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียที่เป็นตลาดที่ใหญ่ แต่การเติบโตยังไม่มาก เนื่องจากคนมีกำลังซื้อน้อย แต่บริษัทก็ได้มีการร่วมมือกับบริษัทซันโทรี่ฯในการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในต่างประเทศในอนาคต ซึ่งล่าสุดมีการทำสัญญาร่วมกันในรูปแบบ joint venture ขยายไปที่ประเทศเวียดนาม"นายเอกพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเน้นตลาดในตลาดในประเทศมากกว่าตลาดต่างประเทศ เนื่องจากยังมีช่องทางการเติบโตค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันคนไทยยังมีอัตราการดื่มน้ำผลไม้เฉลี่ยอยู่ที่ 4 ลิตร/คน/คน/ปี ซึ่งน้อยเมื่อเทียบกับต่างประเทศที่มีการดื่มน้ำผลไม้อยู่ที่ 20 ลิตร/คน/ปี