นายสมัย ลี้สกุล ปรำนเจ้าหน้าที่บริหาร TRC กล่าวว่า บริษัทปรับเป้ารายได้และกำไรปี 56 เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 55 ที่มีรายได้ 4.34 พันล้านบาท ซึ่งเดิมบริษัทตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ราว 5-10% หลังจากมีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้บริษัทมี backlog แล้วประมาณ 3 พันล้านบาท และจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท
ในปีนี้บริษัทยังมีงานที่จะเข้าประมูลเป็นจำนวนมากประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าได้งานราว 40-50% ของมูลค่างานที่จะเข้าประมูลทั้งหมด ซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความชำนาญ โดยเฉพาะโครงการวางท่อส่งก๊าซ มูลค่างานประมาณ 9,000 ล้านบาท และงานสร้างโรงงานปิโตรเคมี มูลค่างานประมาณ 700-800 ดอลลาร์สหรัฐ
นายสมัย กล่าวว่า โครงการวางท่อส่งก๊าซนั้นบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรคือ บริษัท ซิโนเปก เข้าร่วมประมูล โดยผลประโยชน์แบ่งกันบริษัทละ 50% ส่วนโครงการรถไฟรางคู่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากจีนและอินเดีย ซี่งบริษัทจะเข้าไปประมูลงานเป็นครั้งที่ 2 โดยซื้อซองประมูล 2 สัญญา มูลค่าโครงการประมาณ 2-4 พันล้านบาท เชื่อว่ามีโอกาสชนะประมูล เพราะโครงการเหล่านี้เป็นโครงการที่สั่งซื้อวัสดุส่วนใหญ่ถึง 60% ของมูลค่างาน
“โครงการรถไฟรางคู่บริษัทได้เข้าไปร่วมประมูลเป็นครั้งที่ 2 โดยซื้อซองประมูล 2 ซอง มูลค่างานประมูล 2-4 พันล้านบาท ซึ่งครั้งแรกเราเคยเข้าไปยื่นประมูลโดยร่วมกับบริษัทจากเกาหลี ซื้อซองประมูล 3 สัญญา แต่เราคุณสมบัติไม่ผ่านจึงไม่ได้ประมูล แต่คราวนี้เป็นการประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งเราก็อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อความร่วมมือกับพันธมิตรจากจีนและอินเดีย โดยการประมูลครั้งที่ 2 นี้เป็นการต่อยอดการรับเหมาก่อสร้างของบริษัท และเป็นโครงการที่น่าสนใจจากการที่รัฐบาลมีการผลักดันในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการรถไฟรางคู่เป็น และเป็นเรื่องที่ไม่ยากในการที่จะชนะการประมูล เนื่องจากโครงการเหล่านี้เป็นโครงการที่สั่งซื้อสินค้าส่วนใหญ่ถึง 60% ของมูลค่าโครงการ"นายสมัย กล่าว
ส่วนโครงการลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะพม่าและกัมพูชา ยังคงต้องรอกฎหมายของทั้งสองประเทศให้มีความชัดเจนมากขึ้นก่อน แต่ถ้าเป็นการเข้าไปรับเหมางานก็ไม่มีปัญหาสามารถเข้าไปดำเนินการได้เลย ซึ่งคาดว่าโครงการลงทุนในพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกในประเทศเพื่อบ้านจะมีความชัดเจนภายในปลายปี 56
สำหรับการย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI)เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET ในวันนี้ เป็นการสร้างพื้นฐานของการรับงานให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นของผู้ให้งานและบริษัทสามารถรับงานที่มีมูลค่าเพิ่มได้ และจะช่วยเอื้ออำนวยการระดมทุนของบริษัท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้บริษัทจะมีการโรดโชว์เพื่อสร้างความมั่นใจและดึงดูดความสนใจให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนจากสถาบัน ซึ่งเร็วๆนี้บริษัทจะไปโรดโชว์ที่ประเทศมาเลเซีย
อนึ่ง ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2556 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 เม.ย.56 บริษัทจะมีการนำเสนอที่ประชุมเพื่อขออนุมัติการแตกพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.50 บาท เพื่อเพิ่มจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ให้มากขึ้น