สำหรับสาเหตุที่บริษัทซื้อหุ้น MAKRO ในราคาสูงกว่ากระดานเทรดหลัก เนื่องจากได้คิดมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าการค้าและทีมบริหารที่มีฝืมือ และบริษัทคาดว่าเมื่อรวมยอดขายของ MAKRO เข้ามาแล้วจะทำให้ยอดขายรวมของบริษัทสูงกว่าปีละ 3 แสนล้านบาท
บริษัทยังมีแผนจะใช้ MAKRO เป็นหัวหอกในการเตรียมพร้อมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยเริ่มจากการเปิดสาขา MAKRO ในลาวและเวียดนาม รวมทั้งเปิดสาขาในจีนด้วย
นายก่อศักดิ์ ไชยรัสมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPALL กล่าวว่า จะใช้เงินในการซื้อ MAKRO ราว 1.88 แสนล้านบาท โดยใช้เงินจากกระแสเงินสดของบริษัท 10% ที่เหลือกู้เงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์ ขณะนี้มีธนาคารพาณิชย์ยืนยันการสนับสนุนแล้ว 5 แห่ง และยังต้องเจรจากับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นอีก พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนในการซื้อหุ้นดังกล่าว
หลังการซื้อ MAKRO ทำให้อัตราหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าเสื่อมอยู่ที่ 5 เท่าในวันแรกของการทำรายการ ถือว่าเป็นระดับที่ยอมรับได้ ไม่สูงเกินไป และจะลดลงต่อเนื่องตามการเติบโตของธุรกิจของ 2 บริษัท
การซื้อกิจการ MAKRO เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจในอาเซียน 10 ประเทศ โดยจะเริ่มเห็นการขยายธุรกิจเริ่มแรกที่ลาวและเวียดนาม รวมถึง จีน ซึ่ง MAKRO สามารถขยายธุรกิจได้ทั่วโลก ยกเว้นประเทศอินเดีย เนื่องจากมีสัญญาเดิมของการดำเนินธุรกิจของ MAKRO ทั้งนี้ บริษัทไม่มีแผนที่จะเถิกถอนหุ้น MAKRO ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
"การซื้อแมคโคร ในราคาสูงกว่ากระดาน เพราะมองรูปแบบการค้า บวกทีมงานของแมคโคร เป็นจุดที่เราอยากได้มากและไม่มีแผนที่จะไปเปลี่ยนทีมผู้บริหาร เพราะเขาเก่งมาก และดีอยู่แล้ว จะไม่มีการเข้าไปยุ่งกับทีมงาน หลายปีมานี้แมคโครขยายงานดี กำไรเติบโตได้ตลอด ผลประกอบการดี" นายก่อศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ CPALL ได้มีการเซ็นสัญญาการซื้อขายหุ้น MAKRO กับผู้ถือหุ้นใหญ่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะนำเรื่องเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 มิ.ย.56 เพื่อขอมติการทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์-ออฟเฟอร์) คาดขั้นตอนการซื้อขายหุ้นจะเสร็จสิ้นในปลาย ส.ค.56 และคาดเริ่มรับรู้รายได้จากยอดขาย MAKRO ตั้งแต่ไตรมาส 4/56 ซึ่งจะทำให้งบรวมของ CPALL หลังรวมงบของ MAKRO สูงกว่า 3 แสนล้านบาท/ปี
สำหรับ CPALL ที่ยื่นขอใบอนุญาตเปิดสาขาร้าน 7-11 ใน 3-4 มณฑลของประเทศจีน ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป แม้จะมีการซื้อกิจการ MAKRO ซึ่งใช้เงินจำนวนมากแล้วก็ตาม
นายก่อศักดิ์ มองตลาดรวมของธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง ปีนี้อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท โดยบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดราว 3 แสนล้านบาท