บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) คาดกำไรสุทธิใน 1Q56 ที่ 11,403 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10%q-q จากการใช้กำลังผลิตและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ของกลุ่มโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ดีขึ้น ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงาน 2Q56 อาจได้โดดเด่นเท่าไตรมาสแรกจากมีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและโอเลฟินส์
นอกจากนี้ แล้วในไตรมาสนี้ยังได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากที่มีหนี้บางส่วน เป็นสกุลเหรียญสหรัฐพร้อมให้ราคาพื้นฐานปี 56 ที่ 84 บาท
ส่วนบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น PTTGC โดยให้ราคาพื้นฐาน 82 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q56 เท่ากับ 13.5 พันล้านบาท (EPS : 3.0 บาท) เพิ่มขึ้น 30%QoQ และ 37%YoY หนุนโดยราคาและส่วนต่างปิโตรเคมีที่สูงขึ้น ส่วนผลประกอบการจะอ่อนตัวลงใน 2Q56 เพราะปิดซ่อมบำรุงโรงงานปิโตรเคมีและโรงกลั่น แต่เป็นแค่ชั่วคราว
ด้านบล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"หุ้น PTTGC คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิ 1Q56 ออกมาประมาณ 13,600 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 31%qoq และ38%yoy กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากการเติบโตของกำไรในธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งไตรมาสนี้ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ทั้งในสายโอเลฟินด์และอะโรเมติกส์ และคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากหลังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม มีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มผลประกอบการใน 2Q56 โดยคาดว่าการหยุดซ่อมบำรุงของหลายหน่วยการผลิตโดยเฉพาะโรงกลั่นซึ่งคาดว่าจะมีกำลังการผลิตหายไปประมาณ 30%-40% รวมถึงราคาและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มลดลงทั้งในส่วนของปิโตรฯและโรงกลั่นจะกดดันให้กำไรสุทธิใน 2Q56 ลดลงเมื่อเทียบ 1Q56 และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นของ PTTGC ในระยะนี้ยังไม่น่าลงทุน ดังนั้นจึงปรับลดราคาเป้าหมายปี 56 เป็น 81.20 บาท(เดิม 89 บาท)